กทม.18 ส.ค.-รพ.เลิดสิน ยืนยันทีมแพทย์พยายามช่วยเหลือหญิงตั้งครรภ์และลูก อย่างสุดความสามารถแล้ว หลังเด็กคลอดออกมาเสียชีวิต ส่วนแม่หลังคลอดมีอาการตกเลือด และหัวใจหยุดเต้นก่อนเข้าห้องผ่าตัด ทีมช่วยฟื้นคืนชีพ พยายามกว่า 1 ชั่วโมง แต่ไม่ตอบสนองและเสียชีวิต สาเหตุเสียเลือดรุนแรงอาจเกิดจากภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติ มดลูกไม่หดตัวและไม่ตอบสนองต่อยากระตุ้น
โรงพยาบาลเลิดสิน ออกประกาศชี้แจงกรณีผู้ป่วยเสียชีวิตจากการคลอดบุตร ว่า “ตามที่ได้มีบุคคลทำการเผยแพร่สื่อออนไลน์เกี่ยวกับกรณีผู้ป่วยเสียชีวิตจากการคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเลิดสินนั้น ทางโรงพยาบาล ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลแล้ว ขออธิบายรายละเอียด ดังนี้
ผู้ป่วยรายนี้ เป็นหญิงไทยอายุ 28 ปี ตั้งครรภ์ที่ 2 อายุครรภ์ 39 สัปดาห์มาโรงพยาบาลเลิดสิน เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ส.ค.2560 มาตรวจครรภ์ตามนัดปกติ แพทย์ตรวจพบว่าปากมดลูกยังไม่เปิด จึงให้กลับบ้านรออาการเจ็บครรภ์
วันอาทิตย์ที่ 13 ส.ค.2560 เวลา12.25 น.ผู้ป่วยกลับมาด้วยอาการเลือดออก ตรวจวินิจฉัยพบว่าเลือดที่ออกเป็นมูกเลือด ช่วงปากมดลูกเริ่มเปิดเพื่อเข้าสู่ระยะคลอด จึงรับผู้ป่วยให้นอนโรงพยาบาลไม่ได้ให้กลับบ้าน
ระหว่างนอนรอระยะคลอด ผู้ป่วยมีไข้ได้ให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ เนื่องจากผู้ป่วยคลอดเองได้ทางช่องคลอดในการตั้งครรภ์ครั้งแรก ในครั้งนี้เป็นการตั้งครรภ์ครั้งที่ 2ยังไม่มีข้อบ่งชี้ให้ผ่าคลอด และได้ติดเครื่องติดตามการเต้นของหัวใจเด็กในครรภ์ สัญญาณชีพปกติตลอดจนถึงเวลาคลอด ผู้ป่วยคลอดบุตรทางช่องคลอดเวลา 23.58 น. ในวันที่ 14 ส.ค.2560 เป็นทารกเพศหญิง ไม่ร้อง ไม่หายใจ และหัวใจเต้นน้อยกว่า 100 ครั้ง/นาที ได้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพและยุติลงเมื่อเวลา 00.45 น.เนื่องจากทารกไม่ตอบสนอง
ฝ่ายมารดาก่อน รกคลอดมีการตกเลือดออกมา 800 มิลลิลิตร และหลังคลอดมีการตกเลือดออกมาเรื่อย ๆ จึงรักษาอาการตกเลือดหลังคลอดด้วยยาและให้เลือดรวมทั้งสารประกอบของเลือด แต่การตอบสนองไม่ดี จึงตัดสินใจให้เตรียมเข้าห้องผ่าตัดเพื่อตัดมดลูกระงับการตกเลือด แต่ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นก่อนเข้าห้องผ่าตัด จึงทำการช่วยฟื้นคืนชีพด้วยทีมช่วยฟื้นคืนชีพ ทีมแพทย์ได้ช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเศษ แต่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองและเสียชีวิตในเวลา 02.30 น. ของวันที่ 15 ส.ค.2560
สำหรับสาเหตุของการเสียเลือดรุนแรง อาจเกิดจากภาวะแข็งตัวของเลือดผิดปกติ มดลูกไม่หดตัวและไม่ตอบสนองต่อยากระตุ้น
โรงพยาบาลเลิดสิน ขอเรียนชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง มา ณ ที่นี้” .-สำนักข่าวไทย