กทม. 15 ส.ค.- หนึ่งในแก๊งอุ้มรีดเงินนักธุรกิจท่องเที่ยวชาวจีน เข้ามอบตัวอีก 1 ให้การภาคเสธ รับไปบริษัทเหยื่อเพื่ออารักขาคนของจ่ายักษ์ ผู้ต้องหาที่ยังหนี ไม่รู้มีการเรียกทรัพย์ เพราะใช้ภาษาจีนพูดคุยกัน
นายฐิติกร ชื่นอุรา หรือ จ่าต้อย หนึ่งในแก๊งอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจท่องเที่ยวชาวจีน เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม หลังถูกออกหมายจับข้อหาบุกรุกและกรรโชกทรัพย์ มี พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) ร่วมสอบปากคำ
เบื้องต้นนายฐิติกร ให้การภาคเสธ ยอมรับเพียงว่าไปบริษัทนักธุรกิจชาวจีนจริง โดยถูกนายอุทิศ ก่อแก้ว หรือ จ่ายักษ์ หลอกว่าจ้างไปทำงานอารักขาคนของจ่ายักษ์ที่จะไปรับนักธุรกิจชาวจีนไปพบกับนายทหารยศพลตรี ที่โรงเรียนย่านดอนเมือง เนื่องจากตนรับงานอารักขาบุคคล มีลูกน้อง 5 คน ได้ค่าจ้างคนละ 1,500-2,000 บาท วันเกิดเหตุตนกับลูกน้องทำหน้าที่เพียงเดินตามคนของจ่ายักษ์ ไม่ทราบเรื่องที่คนของจ่ายักษ์เข้าไปคุยเรียกเงินนักธุรกิจชาวจีน และตลอดทางก็พูดคุยเป็นภาษาจีน ซึ่งตนไม่เข้าใจ จึงไม่ทราบว่าเป็นการอุ้มรีดทรัพย์ หลังเสร็จงานรับเงินแล้ว ตนก็เดินทางไปงานศพญาติที่หาดใหญ่ ก่อนทราบว่าลูกน้องตนมีปัญหา จึงโทรศัพท์ไปขอจ่ายักษ์ช่วยเคลียร์ให้ ติดต่อได้เพียง 2 ครั้ง จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีก กระทั่งทราบผ่านสื่อว่าถูกออกหมายจับ จึงตัดสินใจเข้ามอบตัว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ส่วนผู้ต้องหาใส่หมวกสีเขียวที่ถูกออกหมายจับวานนี้ (14 ส.ค.) ทราบว่าชื่อเสี่ยหนุ่ม เป็นคนของจ่ายักษ์
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นายฐิติกรได้ประสานเข้ามอบตัวกับตำรวจด้วยตัวเอง ส่วนนายอุทิศ หรือ จ่ายักษ์ ทราบว่าติดต่อเข้ามอบตัวพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ไม่ว่าจะมาหรือไม่ ตำรวจก็ตามจับมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนการแจ้งข้อหาอั้งยี่และซ่องโจรเพิ่มนั้น คาดสามารถแจ้งใน 1-2 วันนี้ กรณี พล.ต.จรูญ อำภา นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย หนึ่งในผู้ต้องหา ถูกต้นสังกัดสั่งย้ายและตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย ไม่มีผลต่อการดำเนินคดีอาญา ถือเป็นการสอบสวนควบคู่กันทั้งอาญาและวินัย พนักงานสอบสวนยังสามารถเรียกมาสอบปากคำหรือแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ภายหลัง คดีนี้มีผู้ต้องหาถูกออกหมายจับข้อหาบุกรุกและกรรโชกทรัพย์ รวม 11 คน จับกุมแล้ว 9 คน ยังเหลือนายอุทิศ หรือ จ่ายักษ์ ที่จะเข้ามอบตัวพรุ่งนี้ และผู้ต้องหาตามภาพวงจรปิดอีก 1 คน เป็นชายสวมหมวกสีเขียว อยู่ระหว่างติดตามจับกุม.-สำนักข่าวไทย