3 ตร.ชลบุรี ยื่นขอความเป็นธรรมคดีอุ้มรีด 140 ล้าน

กทม. 22 มิ.ย.- ตำรวจชลบุรี 3 นาย พร้อมทนาย ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม​ต่อ​อธิบดีอัยการสำนักงานการสวบสวน ​เพื่อขอให้อัยการเข้าร่วมสอบสวนคดีตำรวจอุ้มรีดทรัพย์ 140 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ


10.20 น. ตำรวจ 3 นาย ที่ จ.ชลบุรี ผู้ถูกกล่าวหา ในข้อหา ม.157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ม.149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่  ม.309 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ จากกรณีรีดทรัพย์แก๊งเว็บพนัน จำนวน 140 ล้านบาท เดินทางมาพร้อมทนายความ เพื่อยื่นหนังสือ ให้กับ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสวบสวน ที่ สำนักงานการสอบสวน ตลิ่งชัน โดยทั้ง 3 นายได้ยื่นสำเนาเอกสารคำร้องเรียนที่จะยื่นต่ออัยการ ให้กับผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะขึ้นไปพบอธิบดีฯ บอกว่า จะลงมาให้สัมภาษณ์ในภายหลัง

ในเอกสารมีเนื้อความว่า ทั้ง 3 คน ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวน เนื่องจากกระบวนการสอบสวนของตำรวจตั้งแต่ต้นไม่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 31 วรรค 3 ที่กำหนดขั้นตอนการดำเนินคดีว่าต้องแจ้งเหตุให้พนักงานอัยการทราบ เพื่อให้อัยการตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนทันที จึงมาร้องขอความเป็นธรรมจากอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายในกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบการสอบสวนว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่


พร้อมอ้างถึงการให้สัมภาษณ์ของ “ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” บอกว่าจะทำให้ถูกขั้นตอนตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ทั้งยังมีการกล่าวอ้างพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย แต่ในกระบวนการสอบสวน พนักงานสอบสวนกลับไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เสียเอง นอกจากนี้ยังหลีกเลี่ยงไม่แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ให้แก่ผู้ต้องหาคนใดเลย ทั้งที่ในหนังสือรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ระบุพฤติการณ์โดยละเอียด และมีคำให้สัมภาษณ์ของผู้บังคับบัญชายืนยันว่าการกระทำเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการดำเนินคดีกับพวกตนเองทั้ง 3 คน อาจไม่ชอบมาพากล

นอกจากนี้ คดีทราบเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 15 มิถุนายน ทุกอย่าง จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 7 วันแล้ว การที่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งเหตุแห่งคดีให้อัยการทราบ แสดงให้เห็นเจตนาในการจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ จึงมีหนังสือฉบับนี้เพื่อขอความเป็นธรรมให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ดำเนินการให้มีอัยการเข้ามาร่วมการสอบสวนในครั้งนี้ด้วย พร้อมบอกว่านอกจากหนังสือฉบับนี้แล้ว ทั้ง 3 คนได้มีหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนี้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ อีกทางหนึ่ง

12.30 น. ภายหลังการเข้าพบอธิบดีฯ ราว 1 ชั่วโมง ตำรวจทั้ง 3 นายพร้อมที่ปรึกษากฎหมาย ออกมาให้สัมภาษณ์ พร้อมนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสวบสวนฯ


โดยนายโกศลวัฒน์ เปิดเผยว่า คดีนี้ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมาน สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นว่า ควรแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้เสนอให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนทราบ และมีคำสั่งให้ดำเนินการแสวงหาพยานหลักฐานประกอบการพิจารณา และรายงานอัยการสูงสุดเป็นคดีสำคัญ ส่วนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ยื่นไว้วันนี้ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร่งด่วน

ด้านนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการฯ อธิบายข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ว่า เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาแล้ว ต้องแจ้งการควบคุมตัวไปยังอัยการในท้องที่ทันที เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ได้จับกุมโดยทรมาน โหดร้าย หรือมีเจตนาทำให้บุคคลสูญหายหรือไม่ ซึ่งหากพนักงานอัยการตรวจสอบพบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น พนักงานอัยการต้องยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อสั่งระงับการกระทำ และหากพบว่าพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.นี้ พนักงานสอบสวนคดีที่อาจเป็นตำรวจ หรือฝ่ายปกครอง หรือคดีพิเศษ ต้องแจ้งไปที่อัยการเพื่อให้เข้าไปควบคุมการสอบสวน ซึ่งพนักงานอัยการจะเข้าไปเกี่ยวข้องในการทำสำนวนการสอบสวน

โดยการจะแจ้งให้อัยการเข้าไปควบคุมการสอบสวน พนักงานสอบสวนจะต้องมีหลักฐานจนพบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ก่อน ซึ่งหากยังไม่พบพฤติการณ์ที่เข้าข่าย ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานจนพบ ก่อนที่จะแจ้งอัยการ

เมื่อถามฝ่ายตำรวจ ว่า แล้วการปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้น ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่นั้น ร.ต.อ.สมบุญ ยืนยันว่า ดำเนินการตามหน้าที่ มีหมายค้นและหมายจับถูกต้อง และนำส่งผู้ต้องหาตามกระบวนการ โดยยอมรับว่า การปฏิบัติการอาจมีส่วนบกพร่องบ้าง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ พร้อมบอกว่า ส่วนตัวก็รู้สึกน้อยใจที่ทำตามหน้าที่ แต่กลับมาถูกดำเนินคดี

เมื่อถามว่าในวันตรวจค้น ทั้ง 3 คนทำหน้าที่อะไรบ้าง พ.ต.ท.เสถียร บอกว่า เป็นรายละเอียดในคดี ไม่สามารถเปิดเผยได้ ให้เป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวน แต่ยืนยันว่าทั้ง 3 คน “ไม่มีส่วนร่วมในการเรียกรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น” การปฏิบัติงานทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ทั้งเอกสารต่างๆ วันนี้จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพวกตน 4 ข้อหา แต่ไม่มีข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เมื่อถามถึงพฤติการณ์ของผู้การจากการที่ได้ร่วมงานกัน เคยมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ พ.ต.ท.เสถียร บอกว่า ให้ท่านเป็นคนตอบคำถามนี้เอง

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้จัดการตำรวจแห่งชาติให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจเกินครึ่งรับสารภาพในคดีนี้แล้ว ทั้ง 3 คนตอบพร้อมกันว่าไม่ทราบว่าใครสารภาพ แต่ในส่วนของพวกเขาทั้ง 3 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ด้านนายบัณฑิต เทพอยู่ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย รู้สึกสงสัยกรณีที่มีนายตำรวจให้สัมภาษณ์ว่าพฤติการณ์ของพวกเขาข่ายผิด พ.ร.บ.อุ้มหายฯ แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.นี้ จึงมาขอคำแนะนำจากอัยการ ส่วนสาเหตุที่พนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหานี้ เพราะผลการสอบสวนพบว่าไม่เข้าข่ายหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ แต่สื่อต้องย้อนกลับถามว่า ทำไมนายตำรวจท่านนั้นถึงให้สัมภาษณ์ว่าตำรวจผิด

เมื่อถามว่าการมายื่นขอให้อัยการตรวจสอบเป็นการร้อนตัว หรือหมายความว่ายอมรับกลายๆ แล้วหรือไม่ว่าทำผิด พ.ร.บ.นี้ นายบัณฑิต ยืนยันว่า ไม่ใช่ เพียงแต่อยากได้ความชัดเจนว่าทั้ง 3 คนเข้าข่ายหรือไม่ เพราะตอนนี้ถูกสังคมเข้าใจว่าทำผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ซึ่งมีโทษรุนแรง ทำให้ส่งผลกระทบต่อครอบครัว โดยในพรุ่งนี้ จะพาทั้ง 3 นายไปร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน เนื่องจากไม่มั่นใจในการดำเนินการของพนักงานสอบสวนชุดนี้ โดยภายหลังจากการสัมภาษณ์ ทั้ง 3 นายยืนยันว่า หลังถูกกล่าวหาในคดีนี้ ไม่มีการข่มขู่จากใครก็ตาม พร้อมบอกว่ายังไม่ได้พูดคุยกับผู้การชลบุรีที่ถูกกล่าวหาเช่นกัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]