3 ตร.ชลบุรี ยื่นขอความเป็นธรรมคดีอุ้มรีด 140 ล้าน

กทม. 22 มิ.ย.- ตำรวจชลบุรี 3 นาย พร้อมทนาย ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม​ต่อ​อธิบดีอัยการสำนักงานการสวบสวน ​เพื่อขอให้อัยการเข้าร่วมสอบสวนคดีตำรวจอุ้มรีดทรัพย์ 140 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ


10.20 น. ตำรวจ 3 นาย ที่ จ.ชลบุรี ผู้ถูกกล่าวหา ในข้อหา ม.157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ม.149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐสมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่  ม.309 ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ จากกรณีรีดทรัพย์แก๊งเว็บพนัน จำนวน 140 ล้านบาท เดินทางมาพร้อมทนายความ เพื่อยื่นหนังสือ ให้กับ นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสวบสวน ที่ สำนักงานการสอบสวน ตลิ่งชัน โดยทั้ง 3 นายได้ยื่นสำเนาเอกสารคำร้องเรียนที่จะยื่นต่ออัยการ ให้กับผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะขึ้นไปพบอธิบดีฯ บอกว่า จะลงมาให้สัมภาษณ์ในภายหลัง

ในเอกสารมีเนื้อความว่า ทั้ง 3 คน ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวน เนื่องจากกระบวนการสอบสวนของตำรวจตั้งแต่ต้นไม่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 31 วรรค 3 ที่กำหนดขั้นตอนการดำเนินคดีว่าต้องแจ้งเหตุให้พนักงานอัยการทราบ เพื่อให้อัยการตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนทันที จึงมาร้องขอความเป็นธรรมจากอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายในกรุงเทพมหานคร เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบการสอบสวนว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่


พร้อมอ้างถึงการให้สัมภาษณ์ของ “ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” บอกว่าจะทำให้ถูกขั้นตอนตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ทั้งยังมีการกล่าวอ้างพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของกลุ่มผู้ต้องหา ผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย แต่ในกระบวนการสอบสวน พนักงานสอบสวนกลับไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เสียเอง นอกจากนี้ยังหลีกเลี่ยงไม่แจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ให้แก่ผู้ต้องหาคนใดเลย ทั้งที่ในหนังสือรายงานเหตุอุกฉกรรจ์ระบุพฤติการณ์โดยละเอียด และมีคำให้สัมภาษณ์ของผู้บังคับบัญชายืนยันว่าการกระทำเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการดำเนินคดีกับพวกตนเองทั้ง 3 คน อาจไม่ชอบมาพากล

นอกจากนี้ คดีทราบเหตุที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 15 มิถุนายน ทุกอย่าง จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 7 วันแล้ว การที่พนักงานสอบสวนยังไม่ได้แจ้งเหตุแห่งคดีให้อัยการทราบ แสดงให้เห็นเจตนาในการจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ จึงมีหนังสือฉบับนี้เพื่อขอความเป็นธรรมให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ดำเนินการให้มีอัยการเข้ามาร่วมการสอบสวนในครั้งนี้ด้วย พร้อมบอกว่านอกจากหนังสือฉบับนี้แล้ว ทั้ง 3 คนได้มีหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในคดีนี้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ อีกทางหนึ่ง

12.30 น. ภายหลังการเข้าพบอธิบดีฯ ราว 1 ชั่วโมง ตำรวจทั้ง 3 นายพร้อมที่ปรึกษากฎหมาย ออกมาให้สัมภาษณ์ พร้อมนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสวบสวนฯ


โดยนายโกศลวัฒน์ เปิดเผยว่า คดีนี้ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทรมาน สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นว่า ควรแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงได้เสนอให้อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนทราบ และมีคำสั่งให้ดำเนินการแสวงหาพยานหลักฐานประกอบการพิจารณา และรายงานอัยการสูงสุดเป็นคดีสำคัญ ส่วนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมที่ยื่นไว้วันนี้ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายโดยเร่งด่วน

ด้านนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการฯ อธิบายข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ว่า เมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาแล้ว ต้องแจ้งการควบคุมตัวไปยังอัยการในท้องที่ทันที เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ได้จับกุมโดยทรมาน โหดร้าย หรือมีเจตนาทำให้บุคคลสูญหายหรือไม่ ซึ่งหากพนักงานอัยการตรวจสอบพบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น พนักงานอัยการต้องยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อสั่งระงับการกระทำ และหากพบว่าพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.นี้ พนักงานสอบสวนคดีที่อาจเป็นตำรวจ หรือฝ่ายปกครอง หรือคดีพิเศษ ต้องแจ้งไปที่อัยการเพื่อให้เข้าไปควบคุมการสอบสวน ซึ่งพนักงานอัยการจะเข้าไปเกี่ยวข้องในการทำสำนวนการสอบสวน

โดยการจะแจ้งให้อัยการเข้าไปควบคุมการสอบสวน พนักงานสอบสวนจะต้องมีหลักฐานจนพบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ก่อน ซึ่งหากยังไม่พบพฤติการณ์ที่เข้าข่าย ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ต้องรวบรวมพยานหลักฐานจนพบ ก่อนที่จะแจ้งอัยการ

เมื่อถามฝ่ายตำรวจ ว่า แล้วการปฏิบัติหน้าที่ในวันนั้น ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายหรือไม่นั้น ร.ต.อ.สมบุญ ยืนยันว่า ดำเนินการตามหน้าที่ มีหมายค้นและหมายจับถูกต้อง และนำส่งผู้ต้องหาตามกระบวนการ โดยยอมรับว่า การปฏิบัติการอาจมีส่วนบกพร่องบ้าง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ พร้อมบอกว่า ส่วนตัวก็รู้สึกน้อยใจที่ทำตามหน้าที่ แต่กลับมาถูกดำเนินคดี

เมื่อถามว่าในวันตรวจค้น ทั้ง 3 คนทำหน้าที่อะไรบ้าง พ.ต.ท.เสถียร บอกว่า เป็นรายละเอียดในคดี ไม่สามารถเปิดเผยได้ ให้เป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวน แต่ยืนยันว่าทั้ง 3 คน “ไม่มีส่วนร่วมในการเรียกรับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น” การปฏิบัติงานทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยมีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง ทั้งเอกสารต่างๆ วันนี้จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ เนื่องจากมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพวกตน 4 ข้อหา แต่ไม่มีข้อหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ เมื่อถามถึงพฤติการณ์ของผู้การจากการที่ได้ร่วมงานกัน เคยมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ พ.ต.ท.เสถียร บอกว่า ให้ท่านเป็นคนตอบคำถามนี้เอง

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้จัดการตำรวจแห่งชาติให้สัมภาษณ์ว่ามีตำรวจเกินครึ่งรับสารภาพในคดีนี้แล้ว ทั้ง 3 คนตอบพร้อมกันว่าไม่ทราบว่าใครสารภาพ แต่ในส่วนของพวกเขาทั้ง 3 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ด้านนายบัณฑิต เทพอยู่ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า ตำรวจทั้ง 3 นาย รู้สึกสงสัยกรณีที่มีนายตำรวจให้สัมภาษณ์ว่าพฤติการณ์ของพวกเขาข่ายผิด พ.ร.บ.อุ้มหายฯ แต่กลับไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.นี้ จึงมาขอคำแนะนำจากอัยการ ส่วนสาเหตุที่พนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหานี้ เพราะผลการสอบสวนพบว่าไม่เข้าข่ายหรือไม่ ตนเองไม่ทราบ แต่สื่อต้องย้อนกลับถามว่า ทำไมนายตำรวจท่านนั้นถึงให้สัมภาษณ์ว่าตำรวจผิด

เมื่อถามว่าการมายื่นขอให้อัยการตรวจสอบเป็นการร้อนตัว หรือหมายความว่ายอมรับกลายๆ แล้วหรือไม่ว่าทำผิด พ.ร.บ.นี้ นายบัณฑิต ยืนยันว่า ไม่ใช่ เพียงแต่อยากได้ความชัดเจนว่าทั้ง 3 คนเข้าข่ายหรือไม่ เพราะตอนนี้ถูกสังคมเข้าใจว่าทำผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ซึ่งมีโทษรุนแรง ทำให้ส่งผลกระทบต่อครอบครัว โดยในพรุ่งนี้ จะพาทั้ง 3 นายไปร้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวน เนื่องจากไม่มั่นใจในการดำเนินการของพนักงานสอบสวนชุดนี้ โดยภายหลังจากการสัมภาษณ์ ทั้ง 3 นายยืนยันว่า หลังถูกกล่าวหาในคดีนี้ ไม่มีการข่มขู่จากใครก็ตาม พร้อมบอกว่ายังไม่ได้พูดคุยกับผู้การชลบุรีที่ถูกกล่าวหาเช่นกัน .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด เผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ หากเหตุการณ์ปะทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]