กรุงเทพฯ 10 ส.ค.-เรื่องการกู้ยืมเงินกองทุนเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. มีตัวเลขที่น่าตกใจ ว่ามีผู้ผิดนัดชำระหนี้ถึงกว่า 2 ล้านคน มูลหนี้รวมกันหลายหมื่นล้านบาท และส่งผลกระทบให้ผู้กู้รายใหม่ ให้มีสิทธิกู้ได้น้อยลง เนื่องจากเงินกองทุนฯ มีน้อยลง เรามาดูหลักเกณฑ์การชำระหนี้คืน กยศ. รวมถึงมาตรการของ กยศ.ในการกระตุ้นผู้กู้ยืมเงินให้ชำระหนี้ตามกำหนด
มาดูหลักเกณฑ์การชำระหนี้คืนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. โดยทั่วไปกำหนดระยะเวลาการชำระหนี้ค่อนข้างนานถึง 15 ปี คิดอัตรา 1% ต่อปี แบบลดต้นลดดอก ผู้กู้สามารถเลือกได้ 2 แบบ คือ เริ่มชำระก่อนเรียนจบก็ได้ เพราะ กยศ.ไม่คิดดอกเบี้ยใน 3 ปีแรก หรือเริ่มชำระภายหลังเรียนจบไปแล้ว 2 ปี ก็ได้ โดยไม่คิดดอกเบี้ย 2 ปีแรก ทั้งนี้ ผู้กู้ต้องผ่อนชำระอย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี หรือไม่เกินวันที่ 5 ก.ค.ของทุกปี สามารถชำระเป็นรายเดือนก็ได้ หรือปิดยอดหนี้ก่อนกำหนดก็ได้ แต่หากล่าช้าจะถูกคิดดอกเบี้ย 12-18% ต่อปี เหมือนกับสินเชื่อส่วนบุคคลทั่วไป และอาจถูกฟ้องร้องทั้งผู้กู้และผู้ค้ำประกัน
มีผู้กู้ที่ผิดนัดชำระหนี้ กยศ. 2,100,000 คน มูลหนี้รวมประมาณ 90,000 ล้านบาท กยศ.ส่งเรื่องดำเนินคดีแล้วประมาณ 1,100,000 คน เฉพาะปี 2559 ฟ้องร้องไปแล้ว 170,000 คน ไม่นับรวมลูกหนี้ของกองทุนเงินให้กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต หรือ กรอ. ถูกฟ้องแล้ว 85,000 คน ทั้งหมดอยู่ระหว่างบังคับคดี มีการสืบทรัพย์เพื่อยึดทรัพย์แล้ว 50,000 คน
ทั้งหมดนี้คืออุปสรรคซ้ำซากในการบริการจัดการกองทุน ในระยะหลังจึงมีความพยายามปรับปรุงหลักเกณฑ์และข้อกฎหมาย ที่เห็นเป็นรูปธรรม คือ พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 มีผลมาตั้งแต่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา สาระสำคัญนอกจากการควบรวม กยศ.เข้ากับ กรอ.เข้าด้วยกัน ยังมีข้อกำหนดให้ “นายจ้าง” ต้อง “หักเงิน” จากรายได้ลูกจ้างที่เป็นลูกหนี้ กยศ. เสมือนหักภาษีสรรพากรในแต่ละเดือน นำส่ง กยศ.ด้วย คาดว่าจะเริ่มจากลูกหนี้ กยศ.ที่เป็นข้าราชการ ที่มีราว 200,000 คนก่อน มูลหนี้ 80,000 ล้านบาท จากนั้นจะขยายผลไปยังลูกจ้างเอกชน มาตรการนี้อาจช่วยลดยอดหนี้ค้างชำระได้ถึง 53% มูลหนี้ 62,000 ล้านบาท
มาตรการกระตุ้นผู้กู้ยืมเงินให้ชำระหนี้ตามกำหนด นอกจากมาตรการหักยอดหนี้จากเงินเดือนผู้กู้แล้ว ก่อนหน้านี้คือ การลดเบี้ยปรับแก่ผู้ที่มาปิดบัญชี ที่เด็ดขาดจริงจังคือ การบังคับใช้กฎหมายและฟ้องร้องผู้กู้ยืม อีกทั้งยังมีแนวคิดนำข้อมูลประวัติการชำระเงินของลูกหนี้ เข้าบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ “เครดิตบูโร” คาดว่าจะเริ่มดึงลูกหนี้ กยศ.เข้าสู่เครดิตบูโรได้ในปี 2563
กยศ.จึงชี้แจงขั้นตอนแนวปฏิบัติสำหรับผู้กู้ กยศ.และ กรอ. ที่ผิดนัดค้างชำระหนี้เกิน 4 ปี คิดเป็นยอดหนี้ 5 งวด กรณีผู้กู้ยืมประสงค์ระงับฟ้อง ผู้กู้ยืมได้รับหมายศาลแล้ว สามารถขอระงับฟ้องได้ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา โดยจะต้องชำระหนี้ปิดบัญชีให้เสร็จสิ้น (Pay Off) รวมทั้งชำระค่าทนายความให้เสร็จสิ้น ก่อนกำหนดวันนัดขึ้นศาล 2 สัปดาห์ สำหรับลูกหนี้ทั้ง 2 กองทุน ให้ชำระค่าทนายความ 5,500 บาท และส่งหลักฐานทั้งหมดไปยังหน่วยงานกฎหมายที่รับผิดชอบของแต่ละกองทุน
กรณีผู้กู้ยืมไม่ติดต่อขอระงับฟ้อง ขั้นตอนต่อไปจะต้องเข้ากระบวนการพิพากษา ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กรณี หากผู้กู้ยืม (จำเลยที่ 1) ไปตามที่ศาลนัดหมาย และไม่สามารถเลื่อนนัดได้ ตกลงไกล่เกลี่ยและทำสัญญายอม ผ่อนชำระเป็นรายเดือน ประมาณ 9 ปี แบบมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งเป็นจำเลยตามหมายศาล หากผู้กู้ยืมไม่ไปขึ้นศาล หรือไม่ได้มอบอำนาจ ศาลอาจสั่ง “พิพากษาฝ่ายเดียว” ต้องชำระหนี้เต็มทั้งจำนวน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาผิดนัดชำระหนี้ ทำให้งบประมาณและเงินหมุนเวียนกองทุนฯ มีไม่เพียงพอจะอนุมัติแก่ผู้กู้รายใหม่ ปีการศึกษา 2559 ที่ผ่านมา มีผู้ที่ได้รับสิทธิกู้ยืมมีเพียง 458,389 คน แบ่งเป็นระดับ ม.ปลาย 70,301 คน ระดับ ปวช. 52,159 คน ระดับ ปวท. และ ปวส. เพียง 55,800 คน วงเงินอนุมัติประมาณ 18,605 ล้านบาท และอาจลดลงอีกในปีการศึกษา 2560.-สำนักข่าวไทย