กรุงเทพฯ 7 ส.ค.-วันนี้ในการประชุมของคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย มีมติให้ติดตามทวงคืนเพิ่มเติมอีก 2 รายการ โบราณวัตถุของ จ.สุรินทร์และบุรีรัมย์ โดยทั้งสองชิ้นนี้ไปปรากฏอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์เอกชนในสหรัฐ ซึ่งนักวิชาการพบจากหลักฐานภาพถ่ายและเอกสารวิชาการบ่งชี้ชัดเจนว่า โบราณวัตถุเคยอยู่ในประเทศไทย
ภาพจากหนังสือวารสารคณะโบราณคดี ม.ศิลปากร ตีพิมพ์ใน พ.ศ.2516 ปรากฏภาพทับหลังของปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะถูกยึดไว้ได้ภายในสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง และต่อมาทับหลังลักษณะที่เหมือนกันนี้ไปจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เอกชนในสหรัฐ ทับหลังจำหลักเป็นภาพพระอินทร์เหนือหน้ากาล ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ศิลปะขอมแบบบาปวน ภาพถ่ายเก่าที่พบเป็นหลักฐานสำคัญที่นักวิชาการเชื่อว่า โบราณวัตถุที่ไปปรากฏอยู่ในต่างประเทศเคยอยู่ในประเทศไทย
เช่นเดียวกับเสาติดกับผนังของปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ ที่ภาพฝั่งด้านซ้าย เป็นภาพโบราณวัตถุที่พบในพิพิธภัณฑ์สหรัฐ ส่วนด้านขวา เป็นภาพถ่ายจากหนังสือโครงการสำรวจโบราณสถานภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกรมศิลปากร ที่มีข้อมูลพบว่ามีการลักลอบขุดหลัง พ.ร.บ.โบราณสถานและโบราณวัตถุ ปี พ.ศ.2504
จากหลักฐานล่าสุดที่พบของโบราณวัตถุทั้ง 2 ชิ้น ในการประชุมคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย จึงมีมติให้ติดตามทวงคืนเพิ่มเติมจาก 133 รายการ ขณะนี้มีโบราณวัตถุ 4 ชิ้นที่มีหลักฐานภาพถ่ายชัดเจน คือ ทับหลังจากปราสาทเขาโล้น สระแก้ว, ทับหลังจากปราสาทหนองหงส์ บุรีรัมย์, ทับหลังปราสาทตาเมือนธม สุรินทร์ และเสาติดผนังปราสาทหินพนมรุ้ง บุรีรัมย์ ซึ่งหากมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าวัตถุเคยอยู่ในไทยและถูกลักลอบนำออกมาอย่างผิดกฎหมาย ในต่างประเทศก็จะยอมรับและเคารพกฎหมายของชาติเจ้าของวัตถุและส่งคืน
แนวทางการทวงคืนโบราณวัตถุในสมัยนี้ ไม่มีขั้นตอนยุ่งยากเช่นในอดีต เมื่อทางการไทยประสานไปอย่างเป็นทางการกับสหรัฐ ที่พร้อมจะประสานต่อให้ทันที เพราะสหรัฐเร่งปราบปราบขบวนการค้าวัตถุโบราณที่เกี่ยวข้องกับการเลี่ยงภาษี มีข้อมูลว่าสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ หรือ HSI อยู่ระหว่างดำเนินการเจรจากับเจ้าของพิพิธภัณฑ์เอกชนต่างๆ และจะเข้าสู่กระบวนการยึดคืน หากไม่สามารถชี้แจงที่มาของโบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงได้ เพราะข้อมูลหลักฐานทั้งภาพถ่ายและเอกสารทางวิชาการของไทยมีปรากฏไว้อย่างชัดเจน.-สำนักข่าวไทย