กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – GPSC เผยไตรมาส 2/60 กำไร 815 ล้านบาท โตร้อยละ 19 แจงปัจจัยหนุนบริหารต้นทุนมีประสิทธิภาพและโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจน 2 สามารถจ่ายไฟได้ตามแผน ย้ำแผนลงทุนระบบกักเก็บพลังงาน ศึกษาตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง
นายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของกลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2560 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,459 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2จากไตรมาสที่ 1/2560 แต่ด้วยการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและลูกค้าของโรงไฟฟ้าได้กลับมาดำเนินการตามปกติ หลังจากหยุดซ่อมบำรุงไตรมาสก่อน ทำให้ไตรมาส 2 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 815 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 หรือ 65 ล้านบาท จากไตรมาสที่ 1/2560
ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีรายได้ลดลง 94 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2 เนื่องจากความต้องการไฟฟ้าและไอน้ำของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมมีปริมาณลดลงเล็กน้อย ตามปริมาณการใช้ของภาคอุตสาหกรรม แต่บริษัทฯ ยังคงมีกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 หรือเพิ่มขึ้น 129 ล้านบาท จากไตรมาส 2/2559 ด้วยปัจจัยทางด้านราคาขายที่ปรับตัวดีขึ้นจากส่วนของอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) เป็นต้น
“ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทฯ ยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ปีนี้บริษัทฯ เจออุปสรรคมากมาย ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เริ่มหมดอายุ อีกทั้งบริษัทในกลุ่มมีลูกค้าหยุดซ่อมบำรุง บริษัทฯ ก็ยังสามารถทำกำไรไม่น้อยกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความสามารถบริหารจัดการที่ดีขึ้นของทรัพย์สินเดิม และครึ่งปีหลังบริษัทจะมีโครงการโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจน 2 หรือ BIC 2 ที่เปิดเชิงพาณิชย์เมื่อเดือนมิถุนายน ทำให้ครึ่งปีหลังสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเต็มที่ รวมถึงโครงการที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไตรมาส 4/2560 อีก 2 โครงการ คือ โรงไฟฟ้าไออาร์พีซีคลีน พาวเวอร์ ระยะที่ 2 และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์อิจิโนเซกิโซล่าร์ เพาเวอร์ ที่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้ในปี 2560 บริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 150 เมกะวัตต์ตามแผน ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญในการเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างยั่งยืน และเน้นการดำเนินงานอย่างมีธรรมาภิบาล เพื่อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายได้รับสิ่งที่ดีที่สุดอย่างเท่าเทียมกัน” นายเติมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย