กรุงเทพฯ 27 ต.ค. -ปตท.สผ.ย้ำคงยอดขายปีนี้ 3.2 แสนบาร์เรล/วัน ด้าน พีดีไอ เดินหน้าลงทุนโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นตามแผน
นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2559 ของ ปตท.สผ. และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 388 ล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558 ที่มีขาดทุนสุทธิ 986 ล้านดอลลาร์ สรอ. ซึ่งเป็นผลจากการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์ในปีที่แล้วเป็นจำนวนถึง 1,385 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสูงถึง1,727 ล้านดอลลาร์ สรอ. เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายลงทุนเพื่อรักษาระดับการผลิต
ส่วนรายได้รวม 9 เดือนแรกปี 2559 มีรายได้รวม 3,281 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 36.00 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ 47.47 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และ บริษัทยังคงรักษาสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือ 3,722 ล้านดอลลาร์ เพื่อรองรับโอกาสการลงทุนเพิ่มเติม พร้อมกับมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ
ส่วนยอดขายในปีนี้ บริษัทยังสามารถรักษาปริมาณการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 320,600 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และยังลดต้นทุนในการดำเนินงานตามแผน โดยต้นทุนต่อหน่วยสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2559 อยู่ที่ 29.98 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ หรือลดลง 23% เมื่อเทียบกับต้นทุนเฉลี่ยของปี 2558 ที่อยู่ที่ 38.88 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลงมากกว่าเป้าหมายการลดต้นทุนที่ตั้งไว้เดิมที่ 10% เป็นผลให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (Recurring Net Income) อยู่ที่ 345 ล้านดอลลาร์
ด้าน บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือพีดีไอ แจ้งว่า บริษัท ประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์ฟาร์มนานาโอะ (NANAO) ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกของพีดีไอที่ลงทุนโดยบริษัท พีดีไอ เอเชีย โซลาร์ จำกัด (บริษัทย่อยของบริษัท พีดีไอ เอ็นเนอร์ยี จำกัด ที่พีดีไอถือหุ้นร้อยละ 100) การลงทุนในครั้งนี้นับเป็นความคืบหน้าอย่างมากสำหรับพีดีไอในการปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นานาโอะมีขนาดกำลังการผลิต 2.27 เมกะวัตต์ ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2559 เป็นต้นมา ส่วน การลงทุน แห่งที่สอง จะอยู่ที่นาโกตะ (NOGATA) ขนาดกำลังการผลิต 10.5 เมกะวัตต์นั้น ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่สองของปี 2560 โดย บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากโรงไฟฟ้า2 แห่งนี้ประมาณปีละ200ล้านบาท-สำนักข่าวไทย