ชัยภูมิ 4 ส.ค.-ธ.ก.ส.เดินหน้าส่งเสริมเอสเอ็มอีภาคเกษตรเมลอน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ บริหารต้นทุนขายปลีกในราคาต่ำ เพื่อเน้นปริมาณผลผลิต ดึงให้ชาวบ้านกล้าหาซื้อรับประทานง่ายขึ้น
สองหนุ่มสาวชาวสวน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ มงคล ปลูกพืชสวนแบบผสมผสานบนพื้นที่เกือบ 30 ไร่ กลางเทือกเขาพังเหย แต่ท้ายที่สุดเริ่มมาเน้นเมลอน เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ทำรายได้สูง จึงออกหาความรู้การปลูกเมลอนจากหลากหลายสถาบัน เพื่อป้อนตลาดให้นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมดอกกระเจียวบนอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม กำหนดการเก็บเกี่ยวให้ออกผลทุกสัปดาห์ เพราะนำออกไปขายปลีกด้วยตนเอง โดยใช้กลยุทธ์การทำตลาดกำหนดราคาขายปลีกไม่สูงมากโลละ 100 บาท เพื่อให้ลูกค้าซื้อได้หลายลูก และยังฝากเพื่อน ฝากญาติ หากราคาแพงมักจะซื้อเพียงลูกเดียวแล้วไม่กลับมาซื้ออีก
การทำตลาดขายในราคาไม่สูง ต้องบริหารจัดการต้นทุนทุกด้าน เพื่อทำกำไรในสัดส่วนเหมาะสม ทั้งการปลูกลงดิน เพื่อใช้ปุ๋ยอินทรีย์ขี้วัวขี้ควาย 4 วัน/ครั้ง การไล่เพลี้ยไฟและแมลงหวี่ขาวรบกวนยังอาศัยปลูกตะไคร้หอมรอบโรงเรือน และใช้ปูพื้นซับความชื้นทั้งสร้างโรงเรือนกางมุ้ง คุมน้ำ ลดปริมาณสารเคมี เพื่อทำอินทรีย์ฟาร์ม
เมลอนเทพสถิตจึงได้ติดตลาดมีลูกค้าประจำมากขึ้น จึงเข้าไปพึ่งพาเงินทุนจาก ธ.ก.ส.เทพสถิต นำเงินมาขยายโรงเรือน 1 ล้านบาท 1 โรงเรือน สร้างด้วยทุน 130,000 บาท และยังเตรียมขยายการปลูกองุ่นเทพสถิตให้มีชื่อเสียงด้วยเช่นกัน ธ.ก.ส.จึงเดินหน้าส่งเสริมเอสเอ็มอีภาคเกษตรให้เข้มแข็งในการปลูกพืชเศรษฐกิจของพื้นที่ให้ได้รับความนิยม
การทำแปลงเกษตรแบบผสมผสานทั้งน้อยหน่า ฝรั่ง และพืชเศรษฐกิจใหม่ เริ่มทำรายได้ให้กับชุมชน อ.เทพสถิต มากขึ้น ขณะที่ ธ.ก.ส.มุ่งปั่นหัวขบวนให้เข้มแข็งเป็นเครือข่ายจากสมาร์ทฟาร์เมอร์ ขยับเป็นเอสเอ็มอีภาคเกษตรภายในช่วง 3 ปี ให้ได้นับแสนรายทั่วประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย