กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – กระทรวงคมนาคมสั่งทำแผนรับมือไวรัสเรียกค่าไถ่ หวั่นกระทบระบบขนส่งสาธารณะ พร้อมเร่งส่งแผนความปลอดภัย ตั้งเป้า 1 ต.ค.นี้ เริ่มสุ่มตรวจ จี้แอร์พอร์ตลิ้งค์ติดประตูอัตโนมัติครบทุกสถานีกลางปีหน้า
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารความมั่นคงและความปลอดภัยในคมนาคม ว่า ที่ประชุมพิจารณาแผนความปลอดภัยภาคการขนส่ง โดยมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานกลับไปศึกษาข้อดีข้อเสียว่าต้องปรับแผนส่วนใดบ้าง จากนั้นเร่งส่งกลับมากระทรวงภายในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เพื่อให้สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) รวบรวมจัดทำเป็นแผนปฏิบัติด้านความปลอดภัย ซึ่งจะครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันก่อนเกิดเหตุ การเตรียมความพร้อม การบริหารจัดการขณะเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังสถานการณ์สิ้นสุด เพื่อบูรณาการการปฏิบัติงานให้เป็นไปในทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยตั้งเป้าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเริ่มสุ่มตรวจแต่ละหน่วยงานว่าปฏิบัติตามแผนที่กำหนดไว้หรือไม่
สำหรับแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยภาพรวมนี้จะเกิดประโยชน์มาก ทำให้มีแผนป้องกันอุบัติเหตุชัดเจน เมื่อมีเหตุการณ์จะได้มีแผนรองรับและบูรณาการการทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ ที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานจัดทำเป็นแผนของตนเอง แต่ยังไม่มีการรวบรวมไว้เป็นภาพรวมของกระทรวง นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานจัดทำแผนความมั่นคงด้าน Cyber Security เพื่อป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์เรียกค่าไถ่ ซึ่งสามารถโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ จึงอยากให้เตรียมแนวทางป้องกัน เพราะหากมีกรณีนี้เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการบริการระบบขนส่งสาธารณะ โดยให้เสนอกลับมากระทรวงคมนาคมภายในวันที่ 30 สิงหาคมนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังติดตามความคืบหน้าการเพิ่มมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุหลังเกิดเหตุคนพลัดตกรางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์จนเสียชีวิต โดยขณะนี้ได้เพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบนสถานีจากฝั่งละ 2 คน เป็น 3 คน และให้หัวหน้างานดูแลอย่างใกล้ชิด คุมเข้มไม่ให้ผู้โดยสารยืนล้ำเส้นเหลือง หากผู้โดยสารบนสถานีมีจำนวนมากต้องกันไม่ให้ผู้โดยสารข้างล่างขึ้นมา พร้อมกันนี้ยังเตรียมติดตั้งประตูเปิดปิดอัตโนมัติบนสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 7 สถานี เดิมตั้งเป้าจะติดตั้งให้ครบทุกสถานีภายในสิ้นปี 2561 แต่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เร่งให้ติดตั้งครบทุกสถานีภายในกลางปี 2561นอกจากนี้ ยังติดตามผลการสอบสวนกรณีรถบัสรับส่งผู้โดยสารของสายการบินแอร์เอเชียชนกับเครื่องบินของสายการบินนกแอร์ที่จอด ซึ่งขณะนี้ยังรอผลการตรวจสอบจากกรมการขนส่งทางบก โดยที่ประชุมเสนอว่าต้องเพิ่มมาตรการความปลอดภัยมากขึ้น เช่น ต้องติดกล้องซีซีทีวีภายในรถ เพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์ภายในรถว่าเกิดอะไรขึ้น การทำสัญญาเช่ารถต้องบังคับให้ใช้รถใหม่ และต้องสุ่มตรวจแอลกอฮอล์ของพนักงานขับรถให้ถี่มากขึ้น เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย