ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 3 ส.ค.- นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดงาน ASEAN – India Expo and Forum ย้ำใช้ศักยภาพอาเซียน-อินเดีย เพิ่มบทบาทในเวทีโลก หวังผลักดันกิจกรรมความร่วมมือทางการค้าในกลุ่มอาเซียนและอินเดีย ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ASEAN – India Expo and Forum พร้อมปาฐกถาพิเศษในโอกาสครบรอบ 25 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน – อินเดีย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตอนหนึ่งว่า นับเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้บริหารจากภาครัฐและภาคธุรกิจชั้นนำของอาเซียนและอินเดีย จะได้มาพบปะแลกเปลี่ยนความเห็นซึ่งกันและกัน เพื่อเปิดมุมมองทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกัน เพื่อนำไปสู่การสร้างความเชื่อมโยงทางสังคม และเศรษฐกิจ และความเจริญเติบโตร่วมกันต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกภาพรวมในปัจจุบัน กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวโน้มขยายตัวช้า และมีความเสี่ยงจากความผันผวนในระบบเศรษฐกิจ และการเงินโลกในเกณฑ์สูง จากความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนนโยบายของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึง สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ
“ถึงเวลาที่ภูมิภาคเอเชียต้องผนึกกำลังกัน เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่มีเสถียรภาพและยั่งยืนในระยะยาว บนพื้นฐานของการเจริญเติบโต ไปด้วยกัน อาเซียนและอินเดียถือ เป็นส่วนหนึ่งในกลไกทางเศรษฐกิจที่สาคัญของโลก หากสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสอดประสานแล้ว จะทำให้เกิดอำนาจในการต่อรอง และเป็นตลาดใหญ่ ที่มีพลังก่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สาคัญทางเศรษฐกิจและสังคมได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การรวมตัวของอาเซียนและ การเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) ทำให้เกิดการดึงศักยภาพของภูมิภาคมาใช้อย่างเต็มที่ เกิดตลาดและฐานการผลิตที่สาคัญของโลก ขณะที่ ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนและอินเดียที่มีอย่างรอบด้าน ในปีนี้จะยกระดับการพัฒนาในด้านต่างๆ การพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการคมนาคมขนส่ง และโลจิสติกส์ ระหว่างอินเดียและอาเซียน จะเป็นปัจจัยสำคัญในการอำนวยความสะดวกทางการค้า การบริการและการลงทุน
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจัยสําคัญที่จะดึงศักยภาพและสร้างความเจริญเติบโตร่วมกันของอาเซียนและอินเดีย จำเป็นต้องเร่ง พัฒนาและเสริมสร้างปัจจัยพื้นฐานที่สาคัญร่วมกัน 5 ด้าน ตือ การพัฒนาภาครัฐดิจิทัล การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนและอินเดีย เป็นภูมิภาคแห่งอนาคต การพัฒนาภาคเกษตร การพัฒนาไมโคร SMEs และ การพัฒนาและยกระดับคุณภาพกําลังคน
“เชื่อว่า ทุกคนที่เข้าร่วมงาน เป็นกลไกความเชื่อมโยงที่สำคัญ ระหว่างอาเซียนและอินเดีย และจะเป็นกำลังสำคัญในการทำงานร่วมกัน โดยใช้ศักยภาพที่มีของอาเซียนและอินเดียอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันพัฒนาความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมฝากให้การเจรจาในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ที่มีอินเดียเป็นส่วนสำคัญในการผลักดัน ให้บรรลุข้อตกลงภายในปีนี้ .- สำนักข่าวไทย