นนทบุรี 21 ก.ค. – พาณิชย์แจงผลตรวจข้าวเป็นที่ยอมรับ พร้อมยันมีระบบควบคุมไม่มีการเวียนเทียน
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกรณีมีผู้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 เปิดคลัง เพื่อตรวจสอบคุณภาพข้าวในโกดังอีกครั้งหนึ่ง ว่า จนถึงปัจจุบันนี้เลยขั้นตอนดังกล่าวมานานแล้ว เพราะมีการตรวจสอบคุณภาพข้าวตั้งแต่ปี 2557 โดยผู้รับผิดชอบการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างข้าวขณะนั้น คือ สำนักงานคณะกรรมการตรวจข้าว สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวส่งออกตั้งแต่ปี 2500 จนถึงปัจจุบัน บริษัท บูโร เวอริทัส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทเซอร์เวย์เยอร์เอกชนและห้องปฏิบัติการดีเอ็นเอเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากลวิเคราะห์คุณภาพข้าวทั้งทางกายภาพ เคมี และพันธุกรรมข้าว (DNA) ซึ่งผลการตรวจสอบก็เป็นที่รับทราบต่อสาธารณชนและใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอยู่แล้วในขณะนี้ จึงไม่มีเหตุที่จะต้องดำเนินการตามที่เสนอ
ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีการนำข้าวที่ประมูลเป็นอาหารสัตว์ไปเวียนเทียนขายเป็นข้าวสำหรับคนนั้น นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์มีมาตรการเข้มงวดกับเรื่องดังกล่าว โดยมีการกำหนดขั้นตอนและมาตรการควบคุมการขนย้ายข้าวจากคลังสินค้าต้นทางไปจนถึงคลังสินค้าปลายทางที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมของผู้ชนะการประมูล และได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมในพื้นที่จังหวัดที่เป็นคลังสินค้าปลายทาง นอกจากนี้ คลังสินค้าปลายทางจะต้องมีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีและรายงานข้อมูลสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.pwo.co.th เพื่อรายงานให้ อคส.ทราบ และเมื่อขนย้ายข้าวถึงสถานีปลายทางแล้ว อคส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันสุ่มตรวจปริมาณข้าวอีกครั้งว่าตรงตามปริมาณการขนย้ายหรือไม่
ทั้งนี้ หาก อคส.ตรวจพบว่าผู้ซื้อไม่นำข้าวสารเข้าสู่กระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมตามที่ได้แจ้งไว้ในวัตถุประสงค์ที่ขอซื้อจะต้องชำระค่าปรับร้อยละ 25 ของมูลค่าข้าวสารที่ไม่ได้นำเข้าสู่กระบวนการอุตสาหกรรม และหาก อคส.เลิกสัญญาผู้ซื้อจะต้องเสียค่าปรับร้อยละ 25 ของมูลค่าปริมาณข้าวสารที่ยังไม่ได้รับมอบและขนย้าย รวมทั้งจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและอาญาด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้.-สำนักข่าวไทย