“สมชัย” เผย 4 ช่องทางยื่นศาล รธน.ตีความร่าง พ.ร.ป.กกต.

กกต. 14 ก.ค.-  “สมชัย”  เผย 4 ช่องทางยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.ป.กกต.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่  ย้ำรอแถลงความชัดเจน 17 ก.ค. นี้


นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)  กล่าวถึง กรณี กกต. เตรียมพิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง  ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่  ว่า  ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 (1)  ที่บัญญัติว่า  ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมาย   ดังนั้น แม้เป็นร่างกฎหมาย  ศาลรัฐธรรมนูญย่อมมีอำนาจพิจารณาว่า  ร่างกฎหมายดังกล่าวมีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่    

นายสมชัย กล่าวว่า สำหรับกระบวนการนำเรื่องสู่คำวินิจฉัย  สามารถกระทำได้ แบ่งได้เป็น 4 กรณี  คือ 1. กรณีทั่วไป รัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคสอง ระบุว่า  การยื่นคำร้องและเงื่อนไขการยื่นคำร้อง การพิจารณาวินิจฉัย การทำคำวินิจฉัย นอกจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ให้เป็นไปตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ    


“แต่เนื่องด้วยขณะนี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ยังอยู่ในขั้นการพิจารณาของกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)   ดังนั้น ต้องดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 273 วรรคสาม ที่ระบุว่า “ในระหว่างที่ยังไม่มี พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ   การพิจารณาและการทำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ใช้บังคับอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้  เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวว่า   2. กรณีการใช้ช่องทางฝ่ายบริหาร ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 ระบุว่า  ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำร่างพระราชบัญญัติใดขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย ตามมาตรา 81 และ มาตรา 148 (2)  หากนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ให้ส่งความเห็นเช่นว่านั้น ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย     

นายสมชัย กล่าวว่า 3.กรณีการใช้ช่องทางฝ่ายนิติบัญญัติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 (1) ส.ส.  ส.ว. หรือ รวมกัน ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา เสนอต่อประธานรัฐสภา และให้ประธาน ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย    และ 4.กรณีการใช้ช่องทางผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 231 ผู้ตรวจการอาจเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ เมื่อเห็นว่ามีกรณี ดังต่อไปนี้ (1) บทบัญญัติแห่งกฎหมายใดมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยในกรณีนี้ จะดำเนินการได้เมื่อเป็นกฎหมายแล้วเท่านั้น


 “สรุปได้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีขอบเขตอำนาจวินิจฉัยว่า กฎหมายใดชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นร่างกฎหมายหรือเป็นกฎหมายแล้วก็ตาม   โดยมีช่องทางการเสนอเรื่องถึงศาลได้ 4 ช่องทาง   ดังนั้น ใครที่กล่าวว่า มีเพียง 2 ช่องทาง   โปรดอ่านรัฐธรรมนูญให้ลึกซึ้งด้วย” นายสมชัย กล่าว

นายสมชัย กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 17 ก.ค. นี้ กกต.จะมีความชัดเจน   และสามารถเปิดเผยได้ถึงรายละเอียดของข้อกฎหมาย ที่จะใช้ดำเนินการยื่นต่อศาล  โดยจะมีการชี้แจงให้กับสื่อทราบ ก่อนนำเสนอที่ประชุม กกต.เห็นชอบในวันที่ 18 ก.ค.        .- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัยตึก สตง.ถล่ม

นายกรัฐมนตรี เยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กู้ภัย ค้นหาผู้สูญหายเหตุตึก สตง.ถล่ม พร้อมสอบถามถึงอุปสรรคในการทำงานและความต้องการเพิ่มเติม

ปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน

รองผู้ว่าฯ กทม. เผยยอดผู้เสียชีวิตเหตุตึกถล่ม ที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์แล้ว อยู่ที่ 16 ราย และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 78 ราย พร้อมแจงปรับวิธีรายงานยอดผู้เสียชีวิต ให้นิติเวชยืนยันก่อน