กรุงเทพฯ 5 ก.ค. – กยท.ย้ำเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนนำยางพาราไปใช้ให้เกิดผลจริงทางปฏิบัติ ล่าสุดนำยางพาราในสตอกแสนตันแปรรูปใช้ในประเทศ พร้อมคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมไม่เน้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศใช้มาตรา 44 แก้ปัญหายางพาราเร่งด่วน โดยการประกาศส่งเสริมให้มีการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐเป็นวาระแห่งชาติ เริ่มต้นทำถนนผสมยางพารา เพื่อลดปริมาณยางในประเทศและลดการนำเข้า ว่า รัฐบาลมีการประกาศนโยบายอย่างชัดเจนในการส่งเสริมการนำยางพาราใช้ภายในประเทศ ซึ่งขณะนี้ทุกกระทรวงเดินหน้าเสนอโครงการต่าง ๆ ที่สามารถนำยางพาราไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำยางในสตอกที่รับซื้อจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางโดยตรงประมาณ 100,000 ตัน ไปแปรรูปใช้ในประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะเจ้าภาพหลักได้เชิญหน่วยงานรัฐทั้ง 10 หน่วยงาน ร่วมหารือซึ่งมีความต้องการใช้ยางพาราจริง 3 เดือนข้างหน้า รวมประมาณ 20,000 ตัน แต่ยังมีหน่วยงานระดับกรมต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะพิจารณางบประมาณปี 2560 เพื่อนำยางพาราออกไปใช้ในโครงการต่าง ๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมากที่สุด
“กยท.จัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อนำยางพาราไปใช้ให้มากที่สุด เช่น การจัดทำสนามเด็กเล่นปูพื้นจากยางพารา สนามฟุตซอล โครงการยางล้อประชารัฐ เป็นต้น สำหรับการที่หลายหน่วยงานจะนำยางพาราไปใช้ไม่ว่าจะทำถนน หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาติดปัญหาระเบียบพัสดุในการจัดตั้งงบประมาณ ราคากลาง คาดว่าหลังจาก กยท.เดินหน้าผลักดันมาตรฐานกับสินค้าอุตสาหกรรมประเภทนี้จะมีการใช้ยางในประเทศเพิ่มขึ้นจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะลดความผันผวนราคายาง” นายธีธัช กล่าว
ทั้งนี้ ขอย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้ละเลย แต่เห็นความสำคัญและผลักดันการส่งเสริมการใช้ยางในประเทศตลอด รวมถึงการทำยางพารามาทำถนน โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและทุกภาคส่วน ไม่ได้เอื้อประโยชน์เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และจำเป็นที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันสนับสนุนและผลักดันนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรม ซึ่งจะเพิ่มการใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้นได้แน่นอน
นายธีธัช กล่าวถึงการทำงานของ กยท.ว่า แม้ว่า กยท.จะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียง 2 ปี แต่ได้ทำงานเชิงรุกตามวัตถุประสงค์ที่ พ.ร.บ.กยท. กำหนดตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันหลักเกณฑ์และวิธีการใช้จ่ายเงินจัดเก็บค่าธรรมเนียมมาเป็นค่าบริหารกองทุนพัฒนายางพาราด้านต่าง ๆ โดยมีตัวแทนเกษตรกร สถาบันเกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วม เช่น ด้านสวัสดิการเพื่อเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งใช้จ่ายเงินร้อยละ 7 ของเงินกองทุน ขณะนี้เกษตรกรสามารถใช้สิทธิ์ตามสวัสดิการ ซึ่งจ่ายเงินช่วยเหลือไปแล้ว ทั้งช่วงที่สวนยางประสบภัยธรรมชาติทางใต้เมื่อปลายปีประมาณ 4,000 ครัวเรือน กรณีเกษตรกรเสียชีวิต ทายาทจะได้รับการช่วยเหลือรายละ 3,000 บาท รวมถึงเงินทุนกู้ยืมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนชาวสวนยาง เป็นต้น สำหรับเงินกองทุนพัฒนายางพาราร้อยละ 35 ในการช่วยส่งเสริมเกษตรกร สถาบันเกษตรกรและผู้ประกอบกิจการยางขณะนี้สนับสนุนเงินทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท ในการแปรรูป พัฒนาปรับปรุงคุณภาพต่าง ๆ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางโดยเฉพาะอีกร้อยละ 3 ของเงินกองทุนในการสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งทุกสถาบันเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท.ได้ใช้จ่ายจากงบประมาณส่วนนี้ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาราคายาง กยท.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาล ไม่มีแนวคิดที่จะนำเงินไปสนับสนุน เพื่อแทรกแซงราคายาง ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ทำงานแบบบูรณาการ โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันเกษตรกร ที่จะนำยางพาราไปแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งนำร่องด้วยการส่งเสริมใช้ยางในประเทศ โดยทุกฝ่ายควรร่วมมือกันตามหน้าที่ความรับผิดชอบ เดินหน้าผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ยางในประเทศมากขึ้น
“กยท.รวบรวมผลผลิตยางจากเกษตรกร เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการซื้อขาย และที่สำคัญยังมีการรับซื้อผลผลิตจากสถาบันเกษตรกร เพื่อนำไปแปรรูปเป็นยางแท่ง ยางเครฟ น้ำยางข้น เป็นต้น ทั้งพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมประมาณ 82,000 ตันต่อปี ขณะที่หน่วยธุรกิจของ กยท.ยังเดินหน้าหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ และรับซื้อผลผลิตยางจากสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นราคายางในตลาดด้วยเช่นกัน” นายธีธัช กล่าว.-สำนักข่าวไทย