จ่อใช้ ม.44 บรรเทาผลกระทบแรงงานต่างด้าว

กทม. 3 ก.ค.-หัวหน้า คสช. เตรียมออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อผ่อนคลายปัญหาและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับแรงงานต่างด้าว โดยจะชะลอบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ใน 3 มาตรา


สำหรับการออกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น มีคำยืนยันจากฝั่งรัฐบาลแล้วว่าจะเป็นการชะลอการบังคับใช้ พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวฯ ใน 3 มาตรา ประกอบด้วยมาตรา 101 แรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, มาตรา 102 นายจ้างที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตเข้าทำงาน ต้องระวางโทษปรับ 400,000-800,000 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน และมาตรา 122 ผู้ที่รับแรงงานต่างด้าวเข้าทำงานโดยที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานกับตน ต้องระวางโทษปรับ 400,000-800,000 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน โดยจะชะลอการบังคับใช้กฎหมายตามมาตราดังกล่าวออก 120 วัน มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ส่วนเนื้อหาทั้งหมดของ พ.ร.ก.ฉบับนี้ นอกเหนือจาก 3 มาตราข้างต้น จะมีผลบังคับใช้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่อยู่ในช่วงผ่อนคลายปัญหา รัฐบาลได้ขอให้ทุกฝ่ายอย่าตื่นตระหนก และขอให้แรงงานปฏิบัติตามหลักใหญ่ 2 ข้อ ประกอบด้วย 1.แรงงานที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ให้ออกนอกประเทศเพื่อไปขออนุญาตให้ถูกต้อง 2.แรงงานที่เข้ามาถูกกฎหมาย แต่ทำงานผิดไปจากที่ได้รับอนุญาต ให้ไปสำนักงานจัดหางานจังหวัดฯ เพื่อเปลี่ยนการทำงานให้ถูกต้อง ซึ่งจะสามารถทำงานได้ตามปกติ


สำหรับข้อเสนอของคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ 4 ข้อ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ 3 ข้อ ทั้งการให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการออกกฎหมายลูกเกี่ยวกับแรงงาน, เร่งแก้ปัญหาจ่ายเงินชดเชยกรณีลูกจ้างต้องกลับไปประเทศต้นทาง เพื่อกลับเข้ามาทำงานใหม่ และการเร่งประชาสัมพันธ์กฎหมายแรงงานต่างด้าวให้นายจ้างเข้าใจได้ง่าย ส่วนข้อเสนอให้รัฐบาลตั้งหน่วยหรือศูนย์จดทะเบียนขึ้นใหม่ในประเทศ ไม่สามารถทำได้ เพราะติดเงื่อนไข MOU กับ 3 ประเทศ

ล่าสุดนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เห็นด้วยกับรัฐบาลในการออกมาตรา 44 ผ่อนคลายผลกระทบ โดยยอมรับว่ากฎหมายแรงงานฉบับนี้มีบทลงโทษรุนแรง และเอกชนปรับตัวตามไม่ทัน โดยเฉพาะภาคธุรกิจเอสเอ็มอี

ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า รัฐบาลเตรียมพิจารณาผลกระทบจาก พ.ร.ก.แรงงานต่างด้าวฉบับนี้ และเตรียมทบทวนหามาตรการรองรับ เพื่อไม่ให้ผู้เกี่ยวข้องเดือดร้อน


ส่วนสถิติจำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานคงเหลือทั่วราชอาณาจักร ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 ที่จัดเก็บโดยสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พบว่ามีจำนวนรวมทั้งหมด 1,481,535 คน แบ่งเป็นเพศชายประมาณ 860,000 คน และหญิง 610,000 คน แบ่งเป็นแรงงานต่างด้าวในกรุงเทพฯ 240,000 คน และภูมิภาคต่างจังหวัด 1.2 ล้านคน

ขณะที่จังหวัดที่ใช้แรงงานต่างด้าวมากที่สุดคือ กรุงเทพฯ รองลงมาคือ ปทุมธานี 170,000 คน ตามมาติดๆ คือ สมุทรสาคร ประมาณ 150,000 คน ต่อด้วยนนทบุรีและนครปฐม ตามลำดับ  

สำหรับแรงงานเมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา 3 ประเทศ มีแรงงานต่างด้าวมากสุดในไทย รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.2 ล้านคน เป็นแรงงานประเภทพิสูจน์สัญชาติ 850,000 คน แรงงานนำเข้าตาม MOU จำนวน 410,000 คน แต่โฟกัสเฉพาะกลุ่มประเภทพิสูจน์สัญชาติ พบว่าแรงงานเมียนมาร์มีมากสุดประมาณ 710,000 คน รองลงมาเป็นลาวและกัมพูชา

จำแนกตามประเภทกิจการที่ใช้แรงงานต่างด้าวมากที่สุด อันดับ 1 คือภาคกิจการก่อสร้าง ประมาณ 150,000 คน, เกษตรและปศุสัตว์ ประมาณ 110,000 คน รองลงมาคือ ภาคบริการ ส่วนจำนวนแรงงานภาคอื่นๆ ที่น่าสนใจมีทั้งภาคการประมง มีแรงงานรวม 11,286 คน แรงงานจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 50,873 คน และแรงงานกิจการต่อเนื่องการเกษตร ประมาณ 77,075 คน เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม

กรุงเทพฯ 28 ก.ย.- อาลัย “เจ๊เกียว” สิ้นตำนานเจ้าแม่รถทัวร์แห่งเมืองย่าโม เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี ครอบครัวเชิดชัย แจ้งว่า นางสุจินดา เชิดชัย หรือ “เจ๊เกียว” เจ้าแม่รถทัวร์เมืองไทย เสียชีวิตอย่างสงบ สิริอายุ 88 ปี เจ๊เกียว เกิดเมื่อ 20 มีนาคม 2480 ณ จังหวัดนครราชสีมา เสียชีวิตในช่วงบ่ายของวันที่ 27 ก.ย.68 ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ กทม. ด้วยอาการชรา ประกอบกับอายุมาก มีโรคประจำตัวหลายโรค เจ๊เกียว เป็นลูกคนที่ 6 ของครอบครัว เป็นเด็กเรียนดี สอบได้ที่ 1 มาตลอด ครอบครัวมีกำลังให้เรียน ป.4 เจ๊เกียว ตั้งปณิธานกับตัวเอง “จะต้องรวยกว่าแม่ให้ได้” จึงกลายเป็นแรงผลักดัน ตลอดเส้นทางดำเนินชีวิต นับว่า เจ๊เกียว มีประวัติสู้ชีวิตตั้งแต่เด็กๆ หลังออกจากโรงเรียน […]

เชียงใหม่เตรียมรับมือพายุบัวลอย

เชียงใหม่ 28 ก.ย.- เชียงใหม่เร่งระบายน้ำปิงต่อเนื่อง เตรียมรับมือพายุบัวลอย จ่อขึ้นฝั่งเวียดนาม พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ขณะที่ชาวบ้านจุดเสี่ยงริมแม่น้ำปิง แห่ขนกระสอบทรายมากั้น ป้องกันน้ำทะลักเข้าบ้าน เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากที่ทราบข่าวพายุบัวลอย ประชาชนที่อยู่ในจุดเสี่ยงริมแม่น้ำปิง จ.เชียงใหม่ พากันนำรถยนต์ ไปขนกระสอบทรายบริเวณสวนสาธารณะรถไฟ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นกระสอบทรายที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นำมาแจกให้ฟรี กว่า 25,000 ใบ โดยมีทหารจิตอาสา จากค่ายกาวิละ ไปช่วยตักทรายใส่กระสอบ แต่ประชาชนมีจำนวนมาก บางรายก็ตักทรายกันเอง เอาใส่กระสอบ และทยอยขนขึ้นใส่รถอย่างเร่งรีบ เพื่อนำกระสอบทรายไปกั้น ป้องกันน้ำจะทะลักเข้าบ้าน ขณะที่เวลา 24.00 น. ระดับน้ำ P1 เชิงสะพานนวรัฐ อยู่ที่ความสูง 3.92 เมตร แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยทางจังหวัดยืนยันว่าตลิ่งสามารถป้องกันได้ถึง 4.20 เมตร จะมีเพียงพื้นที่ลุ่มต่ำเท่านั้น ที่อาจได้รับผลกระทบ ล่าสุดเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำในแม่น้ำปิงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เขตพื้นที่เมืองเชียงใหม่ จนถึงประตูระบายน้ำแม่สอย ที่เป็นตัวสุดท้ายของลำน้ำปิง โดยที่ประตูระบายน้ำท่าวังตาล ได้มีการยกบานพ้นน้ำทั้ง 6 […]

ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี เลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ คนทยอยใช้สิทธิ

ศรีสะเกษ 28 ก.ย.- ครึ่งวันเช้าเรียบร้อยดี ประชาชนทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 คึกคัก เผยแม้กังวลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่อยากออกมาใช้สิทธิในฐานะคนไทย ด้านเลขาฯ กกต. ระบุตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเวลาเปิดหีบ ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้เหตุฉุกเฉิน -สำนักข่าวไทย

เร่งเทปูนใต้อาคาร สน.สามเสน “พิพัฒน์” คาดคืนผิวจราจร 8 ต.ค.

28 ก.ย.- จนท.เร่งเทปูนทำฐานรากใต้อาคาร สน.สามเสน ให้สูงถึงระดับเสาเข็มที่ขาดไป และจะใช้เครนขนาดใหญ่ยกวัสดุสิ่งของในหลุมขึ้นมา ก่อนถมดิน-หินคลุก เพื่อคืนพื้นผิวถนน ด้าน “พิพัฒน์” ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้า หวังทุกอย่างเป็นตามเป้าหมาย คืนผิวจราจรได้ 8 ต.ค.นี้ -สำนักข่าวไทย