นนทุบรี 1 ก.ค. – กระทรวงพาณิชย์ระบุไม่สามารถระงับนำเข้าข้าวสาลีตามคำเรียกร้องได้ เนื่องจากผิดข้อผูกพันที่ทำไว้กับ WTO
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการที่มีกระแสข่าวให้กระทรวงพาณิชย์ระงับการนำเข้าข้าวสาลีนั้น ขอชี้แจงว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากการระงับการนำเข้าข้าวสาลีจะผิดข้อผูกพันที่ไทยทำไว้กับองค์การการค้าโลก (WTO) ที่กำหนดให้สมาชิกต้องเปิดตลาดสินค้าเกษตรตามที่ผูกพัน เว้นแต่เหตุผลด้านความปลอดภัยของชีวิต มนุษย์ พืช และสัตว์ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ และปริมาณผลผลิตข้าวโพดในประเทศ 4.57 ล้านตัน ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ (ประมาณ 8 ล้านตัน) จำเป็นต้องมีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่นมาทดแทน เช่น ข้าวสาลี DDGS
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ (ที่ความชื้น14.5%) อยู่ที่ 8.15-8.65 บาท/กก. โดยผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2559/2560 ออกสู่ตลาดหมดแล้ว ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลผลิต 2560/2561 และผลผลิตจะเริ่มออกสู่ตลาดประมาณปลายเดือนกรกฎาคม จึงเชื่อว่าเกษตรกรไม่น่าจะประสบปัญหา สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เป็นหลัก อาทิ ไก่เนื้อ ร้อยละ 57 ไก่ไข่ร้อยละ 22 สุกรร้อยละ 16 และอื่น ๆ ร้อยละ 5 โดยปี 2559 มีไก่เนื้อแปรรูปสำหรับส่งออกถึง 690,000 ตัน มูลค่า 89,000 ล้านบาท หากไม่สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์จะซื้อข้าวโพดลดลงอย่างมากเป็นผลกระทบกลับมาถึงเกษตรกร
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางบริหารจัดการการนำเข้าข้าวสาลี เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยกำหนดอัตราส่วนการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วนต่อการรับซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม 2560 ส่งผลให้ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค.) มีการนำเข้าข้าวสาลีเพียง 0.58 ล้านตัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีการนำเข้า 1.51 ล้านตัน ลดลงถึง 0.93 ล้านตัน
สำหรับปัญหาสำคัญที่ส่งผลให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตกต่ำในฤดูการผลิตที่ผ่านมา คือ ผลผลิตกระจุกตัว โดยจะออกมากช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน ประมาณ 2.95 ล้านตัน หรือประมาณร้อยละ 73 ของผลผลิตทั้งประเทศ และเกษตรกรเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ประมาณ 3.67 ล้านไร่ หรือร้อยละ 52 ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด ซึ่งผลผลิตที่มีคุณภาพต่ำ รวมทั้งเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้นำเข้าปศุสัตว์ของไทยอาจใช้เป็นข้ออ้างในการกีดกันการนำเข้าได้ (เหมือนกรณี IUU) ผู้ส่งออกจึงไม่รับซื้อ
นอกจากนี้ ทางด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดแผนการแก้ไขปัญหาผลผลิตกระจุกตัวและการเพาะปลูกในพื้นที่ป่าโดยลด/เลิกการเพาะปลูกในพื้นที่บุกรุกป่าและปรับสัดส่วนการผลิต ต้นฝน : ปลายฝน : แล้ง จาก 72 : 23 : 5 เป็น 30 : 20 : 50 โดยขยายพื้นที่ปลูกในฤดูแล้งทดแทนนาปรังส่วนหนึ่งด้วย.-สำนักข่าวไทย