กระทรวงกลาโหม 28 มิ.ย.-พล.อ.อุดมเดช ระบุจะเพิ่มความเข้มงวดคัดกรองบุคคลเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน วอนอย่าใช้คำ “พาโจรกลับบ้าน” เตรียมติด CCTV ทดแทนที่ใช้การไม่ได้
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงโครงการพาคนกลับบ้าน ว่า เป็นโครงการที่ดี ไม่อยากให้ใช้คำที่ผิดเพี้ยน เช่น โครงการพาโจรกลับบ้าน เพราะโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้โอกาสคนที่หลงผิดได้กลับตัวกลับใจ และคนที่สามารถเข้าโครงการได้จะต้องไม่ทำผิดคดีอาญา อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้การคัดกรองคนเข้าโครงการและการฝึกอบรมต่าง ๆ จะต้องมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น และยังไม่กำหนดกรอบเวลาว่าโครงการพาคนกลับบ้านจะยุติเมื่อใด
ส่วนกรณีนายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำขบวนการพูโลถูกตำรวจมาเลเซียควบคุมตัวจากร้านอาหารของตนเองในรัฐเปรัค ทางตอนเหนือของมาเลเซีย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทางการมาเลเซียตั้งข้อหานายหะยีสะมะแอว่าครอบครองอาวุธสงคราม ซึ่งทราบว่าอาวุธมีจำนวนไม่มาก และยังไม่ได้รับการปล่อยตัวตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ฝ่ายไทยได้ติดตามความคืบหน้าโดยตลอด เพราะนายหะยีสะมะแอเป็นคนไทยคนหนึ่ง
พล.อ.อุดมเดช กล่าวถึงความคืบหน้าการพูดคุยเพื่อสันติสุข ว่า อยู่ระหว่างดำเนินการโดยจะขอให้ทางการมาเลเซียในฐานะผู้อำนวยความสะดวก ประสานกับกลุ่มผู้เห็นต่างให้ตรงตัว และตรงกับวัตถุประสงค์การพูดคุยมากที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินหน้ากำหนดพื้นที่ปลอดภัย โดยตั้งคณะทำงานเฉพาะพื้นที่ หรือ JAC ที่จะให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมด้วย
ส่วนปัญหากล้อง CCTV ในชายแดนใต้เสียหายและใช้การไม่ได้จำนวนมาก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กล้อง CCTV ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการติดตามตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งที่ผ่านมาอาจเกิดปัญหาจากสภาพอากาศ เช่น ฝนตกหนัก รวมถึงการถูกทำลายจำนวนมาก หลังจากนี้จะเร่งแก้ไขและจัดหา CCTV ที่มีคุณภาพตามนโยบายรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย