เมียนมาร์ 14 มิ.ย. – นับตั้งแต่เปิดประเทศ เศรษฐกิจของเมียนมาร์ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยถึงกว่า 8% ต่อปี และยังมีความต้องการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้นอีกมาก ไปดูกันว่า มีโอกาสที่ไทยจะเข้าไปทำการค้าการลงทุนกับเมียนมาร์ในด้านใดบ้าง
สาเหตุที่ไฟฟ้า-สาธารณูปโภคมีไม่เพียงพอ เกิดจากการที่เมียนมาร์ปิดประเทศเป็นเวลานานหลายสิบปี ทำให้ไม่มีการลงทุนเพิ่ม โรงไฟฟ้าที่มีอยู่เป็นเทคโนโลยีเก่า ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ ต้นทุนผลิตไฟฟ้าสูง แต่รัฐบาลช่วยอุดหนุนส่วนหนึ่ง ทำให้ชาวเมียนมาร์จ่ายค่าไฟในอัตราใกล้เคียงกับบ้านเรา
คาดกันว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในเมียนมาร์จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 5% ต่อปี จากปัจจุบันที่ผลิตได้ 4,000 เมกะวัตต์ โดย 75% เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ขณะที่รัฐบาลเมียนมาร์ส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า ทั้งที่ใช้ก๊าซ ถ่านหิน และพลังงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติ รวมถึงไทยจะลงทุนทั้งโครงสร้างพื้นฐานและโครงการต่างๆ
ปัจจุบันรายได้เฉลี่ยของชาวเมียนมาร์อยู่ที่ราว 180 บาท/วัน แต่หลังจากเริ่มเปิดประเทศ รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีก็เพิ่มขึ้น เร็วที่สุดในกลุ่ม CLMV เฉลี่ยถึง 9.9% ต่อปี และคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10.3 ล้านคน หรือราว 15% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ
ล่าสุดธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ได้เปิดสำนักงานตัวแทนที่ย่างกุ้ง เพื่อช่วยสนับสนุนนักธุรกิจไทยที่ต้องการเข้ามาทำการค้า-การลงทุนในเมียนมาร์
ปัจจุบันไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 2 และเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่อันดับ 3 ของเมียนมาร์ ซึ่งหากมองในแง่ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และแรงงานราคาถูก เมื่อบวกกับจุดเด่นของไทยด้านเงินทุน และเทคโนโลยีการผลิตในหลายอุตสาหกรรม ก็น่าจะทำให้เมียนมาร์เป็นโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างอีกมากสำหรับคนไทย. – สำนักข่าวไทย