นนทบุรี 4 มิ.ย. – รัฐมนตรีพาณิชย์เร่งพาณิชย์จังหวัดติดประเทศเพื่อนบ้าน สร้างกองทัพเอสเอ็มอี พร้อมพาลุยเจาะตลาด CLMV เพิ่มยอดการค้าชายแดน หลังปีนี้ตั้งเป้าสูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท ล่าสุดจัดทีมบุก 3 เมืองเมียนมาร์ ปลื้มการค้าผ่านด่านแม่สอดจะทะลุ 1 แสนล้านบาทได้ไม่ช้า
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนทั่วประเทศไปหาช่องทางขยายการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการสร้างกองทัพผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) และผู้ประกอบการท้องถิ่นให้มีโอกาสส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาด CLMV ซึ่งใกล้ชิดกับไทยและมีโอกาสการค้าขายสูง เพราะแต่ละประเทศนิยมสินค้าไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“การขยายการค้าชายแดนที่ผ่านมามักจะดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายใหญ่หรือผู้ส่งออกรายใหญ่ และส่วนใหญ่เป็นการค้าขายระหว่างประเทศ แต่กระทรวงฯ เล็งเห็นว่าถ้าสามารถผลักดันให้เอสเอ็มอีและผู้ประกอบการท้องถิ่นส่งออกได้ทำเป็นกลุ่มเล็ก ๆ กองทัพเล็ก ๆ ออกไปเจรจาค้าขายกับเพื่อนบ้าน ก็จะยิ่งผลักดันให้มูลค่าการค้าชายแดนขยายตัวมากขึ้น อีกทั้งปีนี้กระทรวงฯ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนไว้สูงถึง 1.8 ล้านล้านบาท ก็ต้องทำทุกทางทั้งการเพิ่มยอดการค้าระหว่างประเทศและการค้าผ่านแดน” นางอภิรดี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดได้รับรายงานจากพาณิชย์จังหวัดตากว่าจะมีการจัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนในกลุ่ม 5 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ตาก พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ และสุโขทัย เดินทางไปเจรจาการค้ากับภาคเอกชนในเมืองผาอัน เมาะละแหม่งและย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคมนี้ เพื่อนำสินค้าเด่นจาก 5 จังหวัดดังกล่าวไปเจรจาจับคู่ธุรกิจกับภาคเอกชนของเมียนมาร์ ส่วนจังหวัดอื่นที่มีพื้นที่ติดชายแดนอยู่ระหว่างการดำเนินการ และเพื่อเป็นการผลักดันให้การค้าชายแดนมีการขยายตัวมากขึ้น กระทรวงฯ มีแผนที่จะเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้มีการเปิดด่านการค้าเพิ่มขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าขายและการท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
นายภาณุ ขันธ์แก้ว พาณิชย์จังหวัดตาก กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตากนำคณะผู้ประกอบการท้องถิ่นไปเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการในพนมเปญและโฮจิมินห์ สามารถเชื่อมโยงเกิดการค้าขายเพิ่มขึ้น และที่จะไปเมียนมาร์ ก็มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ และคาดว่าจะช่วยส่งเสริมการค้าชายแดนให้เพิ่มขึ้น โดยในส่วนของมูลค่าการค้าที่ด่านแม่สอดมั่นใจว่าจะเพิ่มเป็น 100,000 ล้านบาทได้เร็ว ๆ นี้ จากปัจจุบันมีมูลค่า 84,000 ล้านบาท
สำหรับสินค้าที่มีโอกาสส่งออกไปเมียนมาร์ขณะนี้ น้ำตาลทรายถือเป็นสินค้าดาวรุ่ง เพราะเดิมขนส่งผ่านด่านเชียงของ แต่ติดปัญหาชนกลุ่มน้อยเยอะมีการเรียกค่าผ่านทางสูง จึงหันมาส่งออกผ่านด่านแม่สอดแทนและสินค้ารองลงมา คือ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง โทรศัพท์และอุปกรณ์ รถจักรยานยนต์ และเบียร์ ขณะที่สินค้าในกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร เมล็ดพันธุ์พืช ถือเป็นกลุ่มใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโต เพราะรัฐบาลเมียนมาร์ให้การส่งเสริมภาคการเกษตร ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ ที่ยังเป็นที่ต้องการในตลาด.-สำนักข่าวไทย