กรุงเทพฯ 1 มิ.ย.–ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคุมแก๊งมาเฟียชาวรัสเซีย หลังก่อเหตุรับจ้างฆ่าบุคคลสำคัญและนักการเมืองชาวรัสเซีย และผู้ต้องหาชาวเยอรมันปลอมแปลงเงินสกุลยูโรกว่า 260 ครั้ง หลบหนีกบดานในประเทศไทย
พลตำรวจโทณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สอบปากคำผู้ต้องหาชาวรัสเซียและเยอรมันรวม 4 ราย ก่อเหตุอาชญากรรมในต่างประเทศและใช้ไทยเป็นที่หลบซ่อนตัว ซึ่งมีผู้ต้องหารายสำคัญคือ นายอังเดร เดอยากอฟสกี้ (Andrey Dzyatkovskiy) ชาวรัสเซีย ผุ้ต้องหาตามหมายจับของตำรวจสากล ก่อเหตุรับจ้างฆ่าคนโดยใช้อาวุธสงคราม ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญและนักธุรกิจของประเทศรัสเซียจำนวนหลายราย โดยภายหลังก่อเหตุได้หลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย และเดินทางเข้าออกรวมทั้งหมด 7 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2560 ได้หลบซ่อนตัวที่จังหวัดร้อยเอ็ดก่อนจะถูกตำรวจควบคุมตัวได้ที่ปั๊มน้ำมันภายในจังหวัดดังกล่าว
นอกจากนั้นฝ่ายสืบสวนของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังจับกุมตัวเอกินี โคโรวิน (Evgeny Korovin) ชาวรัสเซีย ตามหมายจับตำรวจสากล ในข้อหาปล้นทรัพย์ โดยใช้อาวุธปืน พกพาไปในเคหสถานเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2556 หลังมีพฤติกรรมร่วมกับพวกบุกเข้าไปในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในรัสเซีย ใช้ปืนปล้นคนที่อยู่อาศัยในอาคารพร้อมทำร้ายร่างกาย ได้ทรัพย์สินไปมากกว่า 5 ล้านรูเบิล หรือกว่า 3 ล้านบาท จากนั้นหลบหนีมากบดานในไทย จนทางการรัสเซียประสานให้ติดตามตัวและจับกุมตัวได้ในจังหวัดภูเก็ต
อีกคดี จับกุมนายอนาโตลี ซาโมดอฟ (Anatolii Samodov) ชาวรัสเซีย ที่ตั้งตัวเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟีย และก่อคดีฮั้วประมูลงานของภาครัฐโดยใช้วิธีการข่มขู่คุกคามผู้เข้าร่วมประมูลรายอื่นให้เกิดความหวาดกลัว จนต้องถอนตัวไป ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกศาลของรัสเซียตัดสินจำคุกคนละ 10 ปี แต่นายอนาโตลี ได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2555 โดยหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่พัทยา ซึ่งตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งภายในซอยจอมเทียน 14 อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
นอกจากนี้ยังควบคุมตัวนายมอรีซ เฮิคเคลมันซ์ (Maurice Hockelmann) ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งปลอมเงินสกุลยูโร หลังก่อเหตุมากกว่า 260 ครั้ง และหลบหนีเข้ามาประเทศไทย โดยตำรวจสามารถจับกุมได้ภายในซอยประชาอุทิศ 129 ฝั่งธนบุรี
ขณะที่ พลตำรวจโทณัฐธร กล่าวว่า หลังได้รับการประสานจากทางการของรัสเซียและเยอรมันให้ช่วยติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ ที่มีข้อมูลว่าหลบหนีเข้ามาซ่อนตัวในประเทศไทย ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม จากนั้นจึงส่งชุดสืบสวนสะกดรอยติดตามจนสามารถจับกุมได้ในที่สุด พร้อมยอมรับว่ากลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นชาวรัสเซียนั้น นิยมเข้ามาในประเทศไทยมากเป็นอันดับ 2 รองจากนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดนั้นจะถูกผลักดันออกนอกประเทศตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปภายในสองสัปดาห์.-สำนักข่าวไทย