คลังถก สนช. ลดราคาบ้านจาก 50 เหลือ 10 ล้านบาทยกเว้นภาษี

รร.พูลูแมน สุขุมวิท 30 พ.ค.- คลังถกกรรมาธิการการเงินการคลังฯ สนช. ลดราคาบ้านจากต่ำกว่า 50 ล้าน เหลือ 20 ล้านบาทได้รับยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง


นายพรชัย ฐีระเวช รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยระหว่างบรรยายพิเศษ “พ.ร.บ.ภาษีทีดินและสิ่งปลูกสร้าง กับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” ว่า กรรมาธิการการเงินการคลังฯ  สนช.อยู่ระหว่างการทบทวนอัตราภาษีสำหรับที่อยู่อาศัย จากข้อเสนอให้ปรับมูลค่าบ้านลดลงจาก 50 ล้านบาทต่อหลัง ลดลงมาเหลือ 10 ล้านบาทขึ้นไปจึงจัดเก็บภาษี จึงต้องหารือร่วมกันอีกหลายครั้ง จากการสำรวจพบว่าบ้านอยู่อาศัยราคาเกิน 50 ล้านบาท มีจำนวน 11,000 หลัง หากปรับลดลงมาเป็นบ้านต่ำกว่า  10 ล้านบาทได้รับการยกเว้นภาษี จึงมีฐานภาษีมากขึ้น ขณะที่บ้านอยู่อาศัยทั้งระบบต่ำกว่าราคา 5 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 90 ของระบบ แต่ต้องศึกษาข้อมูลร่วมกันเพื่อสรูปชัดเจน โดยกำหนดให้บังคับใช้ในการจัดเก็บภาษีในปี 2562

ที่ผ่าน ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กำหนดเพดานอัตราภาษีกําหนดโดยคณะกรรมการกําหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประกอบด้วย 3 อัตราคือ อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั่วไป ไม่เกินร้อยละ 0.5 ของฐานภาษี  อัตราภาษีสําหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นที่อยู่อาศัยของตนเองไม่เกินร้อยละ 0.1 ของฐานภาษี อัตราภาษีสําหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประกอบเกษตรกรรม ไม่เกินร้อยละ 0.05 ของฐานภาษี


สำหรับแนวทางในการจัดเก็บ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีเครื่องมือในการประเมินสำรวจที่ดิน จากการลงทะเบียนเกษตรกร เช่น การใช้ที่ดินปลูกพืชควรปลูกกล้วยเกิน 200 ต้นต่อไร่ขึ้นไป จึงถือว่ามีอาชีพทำเกษตรเพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี จากผู้ไม่มีอาชีพเกษตรกรรม และเมื่อ อปท.แห่งใดความจําเป็นในการพัฒนาท้องถิ่นของตน ให้ออกข้อบัญญัติกําหนดอัตราภาษีเพิ่มขึ้นจากอัตราที่คณะกรรมการฯกําหนดได้แต่ไม่เกินเพดานอัตราภาษีที่กฎหมายกําหนด  กรณีทิ้งที่ดินว่างเปล่า หรือไม่ได้ทําประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ดิน ใน 3 ปีแรกให้เสียภาษีใน อัตราไม่ต่ำกว่าอัตราภาษีทั่วไปที่คณะกรรมการฯกําหนดแต่ไม่เกินร้อยละ 0.5 ของฐานภาษี กระทรวงคลังมองว่าเมื่อ กฎหมายภาษีที่ดินบังคับใช้ในอีก 2 ปี ข้างหน้าจะผลักดันให้ภาคเอกชนได้ร่วมกันพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เป็นผลพลอยได้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ หรือภาษีลาภลอย ตามข้อเสนอของสภา สปท. นั้น เป็ฯแนวคิดจาก สปท.นำส่งมาให้กระทรวงคลังศึกษาโดยยังไม่มีข้อสรุปใดๆ  เบื้องต้นกำหนดจัดเก็บภาษีในอัตราไม่เกินร้อยละ 5 ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง  นับเป็นอัตราเทียบเคียงกับต่างประเทศจัดเก็บในปัจจัย  และจัดเก็บต่อเมื่อมีการซื้อขายเปลี่ยนมือ หรือลงทุนเพิ่มเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เหมือนกับภาษีมรดกเสียภาษีเมื่อมีการโอน ไม่ใช่การจัดเก็บรายปีระห่างการครอบครอง   โดยต้องเว้นระยะห่างจากพื้นที่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าหรือโครงการก่อสร้าง 2-3 กิโลเมตร  เมื่อได้ข้อสรุปจึงเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาในขั้นต่อไป  

นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคม นายกิติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า  3 สมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์ได้เสนอกระทรวงคลัง เพื่อหารือในกรรมาธิการแปรญัตติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่ดินด้านเกษตร เพื่อกำหนดให้ชัดเจนว่า หากเจ้าของทีดินให้เช่าเกษตรกรเช่าเพื่อปลูกพืชทำการเกษตร จะถูกเรียกภาษีในเชิงพาณิชย์หรือไม่ เพราะต้องจัดเก็บเพิ่มถึง 3 เท่า หากจัดเก็บแบบพาณิชย์ เจ้าของที่ดินจะใช้แนวทางการจ้างให้ปลูก ซึ่งจะเกิดลูกจ้างมากกว่าการส่งเสริมเกษตรกร 


สำหรับที่อยู่อาศัยเสนอให้กำหนดชัดเจนว่า บ้าน คอนโดสร้างแล้วเสร็จเป็นสต็อกรอการขาย จะพิจารณาว่าเป็นบ้านอยู่อาศัย หรือว่าเป็นเชิงพาณิชย์ เพราะหากตีความว่าเป็นเชิงพาณิชย์จะทำให้ภาระภาษีเพิ่มอีก 3 เท่า จึงเป็นภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการต้องผลักภาระไปยังผู้ซื้อบ้าน นอกจากนี้ยังเสนอกระทรวงคลังพิจารณากำหนดให้ชัดเจน สำหรับการบรรเทาภาระที่ดินเหลือร้อยละ 0.05 ของมูลค่าที่ดิน ซื้อไว้สำหรับการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ควรเริ่มนับตั้งแต่ได้รับใบอนุญาตการก่อสร้าง ไม่ใช่เริ่มนับตั้งแต่การซื้อที่ดิน เพราะอาจมีการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ได้ในภายหลัง  

นายอิสระ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีกรรมาธิการ สนช. ทบทวน ร่าง พ.ร.บ.ภาษีทีดินฯ ให้ปรับวงเงินจัดเก็บภาษีจากภาคเกษตรต่ำว่า 50 ล้านบาทได้รับยกเว้น  และที่อยู่อาศัยลดลง 50 ล้านบาทต่อหลัง ลดเหลือ 10 ล้านบาทจึงได้รับการยกเว้น  เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เพราะบ้านอยู่อาศัยราคาต่ำ 10 ล้านบาท มีประมาณ 3-4 พันหลังต่อปี จึงควรปรับลดลงมาได้ เพราะมองว่าไม่ได้กระทบต่อผู้มีรายได้น้อยมากนัก.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

ผู้สมัคร “ภูมิใจไทย” ประกาศชัยชนะ เลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5

28 ก.ย. – “จินณ์ตวรรณ” ผู้สมัครหมายเลข 2 จากพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัยชนะ หลังทราบผลคะแนนเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 อย่างไม่เป็นทางการ นำคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย ขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจให้เข้าไปทำหน้าที่ สำหรับผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.40 น. หมายเลข 1 ภูริกา สมหมาย พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน 24,681 คะแนนหมายเลข 2 จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนน 31,653 คะแนน.-สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุม คืนผิวจราจร 8 ต.ค.

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – แก้ถนนทรุดคืบหน้า จนท.ยุติการเทปูนแล้ว เร่งเคลียร์เศษวัสดุในหลุมออก เพื่อถมทรายผสมปูนอีก 5 เมตร คาดหากไม่มีอุปสรรคเพิ่ม จะคืนผิวจราจรได้อย่างน้อย 2 ช่องทาง 8 ต.ค.นี้.-สำนักข่าวไทย

“สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – “สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืน ไทยยึดสันติภาพ โต้ถ้อยแถลงกัมพูชา มองโอกาสนำไทยสู่จอเรดาร์โลก นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการพูดถึงถ้อยแถลงในที่ประชุม ประเด็นเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา รวมถึงบทบาทของไทยในเวทีสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าร่วมการประชุม UNGA ในครั้งนี้ ต้องการให้ประเทศต่างๆ เห็นว่า การต่างประเทศของไทยกำลังขับเคลื่อนประเทศไทย และไทยจะมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก ถึงแม้รัฐบาลชุดนี้จะอยู่แค่ 4 เดือน แต่จะใช้ช่วงเวลานี้ให้มีความหมาย สำหรับประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เดิมทีจะใช้ถ้อยแถลงใน UNGA เพื่อบอกว่าไทยอยากเห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาก็มีการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย ที่มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ทำให้เกิดข้อตกลงเรื่องการรักษาข้อตกลงหยุดยิง การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนัก และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เป้าหมายของไทยคือ การสร้างความปลอดภัยและนำความสงบมาสู่ชายแดน หากต่างฝ่ายต่างมีความจริงใจและมุ่งมั่นทำให้ข้อตกลงต่างๆ เป็นรูปธรรม ก็คิดว่าไทยจะดำเนินการเป็นขั้นตอนในการปรับความสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม นายปรัก สุคน […]

นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ

พรรคภูมิใจไทย 28 ก.ย. – นายกฯ พร้อมแถลงนโยบาย 29-30 ก.ย. มองผลโพลเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ แต่ขณะเดียวกันก็กดดันความคาดหวังประชาชน ย้ำต้องทำงานหนักตอบแทน ไม่ให้กลายเป็นยาพิษ ยันยึดสันติแก้ชายแดน บอกไทยนี้รักสงบ แต่ถ้ารบก็ลองดู ลั่นที่ผ่านมาเห็นความอัปยศอดสู วันนี้จะไม่มีวันให้เกิดขึ้นกับประเทศไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ความพร้อมในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ว่า ร่างนโยบายได้ส่งให้ทุกฝ่ายศึกษาแล้ว พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) ตามรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรีต้องลุกขึ้นอ่านนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาให้ได้รับทราบ ส่วนถามว่ามีความกังวลหรือไม่ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ สำหรับพรรคภูมิใจไทยทำงานต่อเนื่องมากกว่า 6 ปีแล้ว เพิ่งไปพักร้อนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งที่ยังทำค้างอยู่ในช่วง 2 เดือนที่หยุดไป คงไม่ถึงขั้นที่ต้องทำให้ยกเลิก สิ่งที่เราอยากจะทำอะไรไป เราสามารถสานต่อ และมีนโยบายใหม่ๆ ในฐานะที่เรามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะสามารถใช้นโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มมากขึ้น หลายคนมีความคาดหวังกับรัฐบาลใหม่ และผลโพลหลายสำนัก คะแนนความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีเพิ่มสูงขึ้น จะสอดคล้องกับนโยบายและเป็นความคาดหวังให้กับประชาชนได้มากน้อยแค่ไหนนั้น […]