กทม.31 พ.ค.- ศาลชั้นต้นประหารชีวิต 2 คนร้ายฆ่าชิงไอโฟนบัณฑิต มศว สถานเดียว ชี้พฤติกรรมเอี่ยวหลายคดี ยากแก่การปรับปรุงแก้ไข พี่สาวผู้ตาย พอใจคำพิพากษาของศาล
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวนายกิตติกร วิกาหะ และนายสุพัฒชัย จันทร์ศรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาลอาญา ถนนรัชดาฯ เพื่อฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ และนางนิราภรณ์ เหลืองแจ่ม มารดานายวศิน เหลืองแจ่ม เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้องฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ที่ตนกระทำผิดฯ , ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้ยานพาหนะ และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
สืบเนื่องจากวันที่ 4 มกราคม 2560 เวลากลางคืน นายกิตติกรนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายสุพัฒชัย มาถึงปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 แขวงและเขตลาดพร้าว พบนายวศิน บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร หรือ มศว ประสานมิตร กำลังถือโทรศัพท์มือถือไอโฟน 6 นายกิตติกร จึงใช้อาวุธมีดจี้ขู่เข็ญให้นายวศินส่งโทรศัพท์ให้ แต่นายวศินต่อสู้ขัดขืน จึงถูกนายกิตติกรใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายตามร่างกายและลำคอจนเสียชีวิตแล้วชิงโทรศัพท์ผู้ตายหลบหนีไป
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดจริงตามฟ้อง โดยกระทำผิดหลายกรรม ลงโทษบทหนักสุดฐานร่วมกันฆ่าฯ พิพากษาประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง และปรับ 1,000 บาท ฐานพกพาอาวุธมีดฯ โดยโทษประหาร ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นภัยร้ายแรงและเป็นภัยสังคม มีพฤติการณ์เกี่ยวกับคดีอาญาหลายคดี และเกี่ยวกับยาเสพติด จึงเห็นว่ายากแก่การปรับปรุงแก้ไข ที่จำเลยรับสารภาพนั้นไม่มีผลต่อการพิจารณาลดโทษ เนื่องจากไม่ได้สารภาพเพราะสำนึก แต่สารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน จึงไม่สมควรให้ลดโทษ คงพิพากษาประหารชีวิตสถานเดียว ทั้งนี้จำเลยมีเวลาอุทธรณ์สู้คดีใน 30 วัน
น.ส.ศรุตา เหลืองแจ่ม พี่สาวนายวศิน ซึ่งเดินทางมาฟังคำพิพากษา กล่าวว่า พอใจคำพิพากษาของศาล ที่สั่งให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสองคนโดยไม่ลดโทษ แม้จะรับสารภาพก็ตาม ตนเห็นว่าเป็นไปตามกรรม ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น วันนี้มารดาไม่ได้มาศาล เพราะยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับจำเลย. – สำนักข่าวไทย