กรุงเทพฯ 26 พ.ค.-แม้สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครจะเริ่มคลี่คลาย แต่ก็ยังต้องเตรียมรับมือกับฝนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะระบบอุโมงค์ยักษ์ ที่พบว่ามีขยะไปกีดขวางมากกว่าวันละ 10 ตัน ทำให้การระบายน้ำล่าช้ามากขึ้น
ฝนที่ตกหนักเพียง 30 นาที แต่ส่งผลให้ถนนหลายสายในย่านรัชดาภิเษก ห้วยขวางมีน้ำท่วม ทำให้คนกรุงหวั่นใจว่าจะเกิดน้ำท่วมซ้ำอีก แต่พ่อเมืองกรุงเทพมหานครย้ำชัด หากปริมาณน้ำฝนไม่มากเท่าเมื่อวาน รับมือได้แน่นอน
ส่วนน้ำท่วมขังที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ต่อเนื่องถึงเช้าวันนี้ กรุงเทพมหานครได้ระดมเครื่องสูบน้ำติดตั้งทุกพื้นที่จำนวน 1,802 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 73 เครื่อง ระบายน้ำลงสู่คลองต่างๆ แต่ยอมรับว่าเป็นไปได้ช้า เพราะระดับน้ำในคลองค่อนข้างสูง โดยน้ำในพื้นที่ลาดพร้าว วังทองหลาง จะถูกระบายลงสู่คลองแสนแสบและคลองลาดพร้าว เข้าสู่อุโมงค์ยักษ์พระราม 9 ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ 60 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
เจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำเผยว่า ช่วง 2 วันนี้ที่มีน้ำท่วม มีขยะลอยมาติดปากอุโมงค์ระบายน้ำมากขึ้นถึง 3 เท่า จากปกติวันละ 4 ตัน เพิ่มขึ้นเป็น 10-15 ตัน และเป็นขยะชิ้นใหญ่ ทั้งท่อนซุง ไม้แบบ ที่นอน โซฟา ส่งผลให้การระบายน้ำล่าช้า เจ้าหน้าที่ต้องลงไปเก็บและตักเศษขยะตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยืนยันการทิ้งขยะชิ้นใหญ่ ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอย่างที่มีข้อร้องเรียนมา
ส่วนในพื้นที่รัชดาภิเษก ห้วยขวาง ตามแผนจะต้องระบายน้ำผ่านอุโมงค์ยักษ์บางซื่อ ซึ่งจะช่วยสามารถระบายน้ำได้ 60 ลูกบาศก์เมตร/วินาที แต่เนื่องจากการก่อสร้างที่ล่าช้า ไม่สามารถเสร็จได้ทันฤดูฝนนี้ จึงทำได้เพียงสูบน้ำลงคลองเท่านั้น
ดังนั้น การแก้ปัญหาน้ำท่วมของคนกรุงต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐ และประชาชน ไม่ทิ้งขยะลงท่อระบายน้ำ และคูคลองต่างๆ เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตัน ขวางทางน้ำไหล เมื่อฝนตกน้ำระบายได้เร็ว คนกรุงจะได้ไม่ต้องขวัญผวาซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย