ก.อุตสาหกรรม 26 พ.ค. – กรศ.เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาเชื่อม 3 ท่าเรือกับรถไฟทางคู่ มั่นใจปีนี้เอกชนขอบีโอไอพื้นที่อีอีซี 150,000 ล้านบาท
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (ครศ.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (กรศ.) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานเห็นชอบแผนเชื่อมโยง 3 ท่าเรือหลักกับรถไฟทางคู่แบบไร้รอยต่อ ทั้งท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 และท่าเรือสัตหีบ ด้วยการปรับปรุงระบบทางคู่รถไฟเดิม และเส้นทางคู่ใหม่จาก อ.ศรีราชา ตรงไปยังพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กำหนดก่อสร้างปี 2561 และเมื่อเร่งรัดแผนร่วมลงทุนแบบ PPP และการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คาดว่าก่อสร้างเสร็จปี 2564
ตลอดจนการเพิ่มคลังสินค้า ICD เพื่อกระจายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เน้นการขนส่งสินค้าจากโรงงานมายังคลังสินค้า ICD จากนั้นจะใช้ระบบรางขนส่งสินค้ามายังพื้นที่อีอีซีรองรับสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งจากกัมพูชา สปป.ลาว ส่งมายังท่าเรือแหลมฉบังเป็นจุดส่งต่อไปประเทศที่ 3 เพื่อเพิ่มขนส่งสินค้าทางรางจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 30 หวังลดปริมาณรถบรรทุกบนท้องถนนเตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันที่ 16 มิถุนายน ณ ท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อพิจารณากรอบงบประมาณและแผนลงทุน
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ไตรมาสแรกปี 2560 นักลงทุนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เพื่อลงทุนในอีอีซี วงเงิน 16,000 ล้านบาท จากเป้าหมายปี 2560 วงเงิน 150,000 ล้านบาท ยอมรับว่าเมื่อเอกชนขอรับสิทธิ์บีโอไอแล้วจะเริ่มลงทุนจริงปี 2560-2561 และในช่วง 5 ปี คาดว่าจะมียอดขอบีโอไอ 500,000 ล้านบาท จึงคาดว่าเงินลงทุนของเอกชนจะทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากรัฐบาลเริ่มเดินหน้าหลายมาตรการอย่างเป็นรูปธรรม นักลงทุนต่างชาติจึงต้องการเข้ามาลงทุนในอีอีซีของไทย.- สำนักข่าวไทย