กรุงเทพฯ 18 พ.ค.-เลขา สพฉ.แนะประชาชนตัวเปียกจากการตากฝนต้องรีบอาบน้ำทำตัวเองให้แห้ง พร้อมเตือนระวังโรคทางเดินหายใจโดยเฉพาะโรคปอดบวม และอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่อาจเกิดขึ้นเพราะถนนเปียกลื่น หากเจ็บป่วยฉุกเฉินโทรสายด่วน 1669
ภายหลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาออกมาประกาศว่าจะมีฝนตกอย่างต่อเนื่องในหลายภูมิภาคไปอีกหลายวันนั้น เรืออากาศเอก นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (เลขาธิการ สพฉ.) กล่าวให้คำแนะนำถึงการดูแลตนเองช่วงหน้าฝนว่า หากใครที่หลีกเลี่ยงการตากฝนไม่ได้หลังจากที่เปียกฝนแล้วจะต้องทำตัวเองให้แห้งโดยเร็วที่สุดโดยเมื่อกลับถึงบ้านต้องรีบถอดถุงเท้าและเสื้อผ้าที่เปียกฝนออกทันที เพราะการใส่เสื้อผ้าที่เปียก ทำให้ไม่สบายเป็นหวัด รวมไปถึงเป็นปอดบวมได้ จากนั้นให้รีบอาบน้ำ สระผม ทำร่างกายให้อบอุ่นทันที เพราะในน้ำฝนมีอาจะมีเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกติดมาด้วย ทั้งนี้ควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดเท้า โดยต้องใช้สบู่ฟอกทำความสะอาดเท้าที่ต้องเดินลุยน้ำฝนหรือน้ำเจิ่งนองที่อาจะมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่จนอาจะทำให้เท่าเกิดเชื้อราได้
เลขาธิการ สพฉ.กล่าวต่อไปว่า นอกจากการดูแลตนเองหลังจากตากฝนแล้ว ประชาชนยังต้องดูแลตนเองให้ปลอดจากโรคที่มักจะเกิดขึ้นในฤดูฝนคือโรคที่ติดเชื้อจากระบบทางเดินหายใจ เพราะเมื่ออากาศมีความชื้นมาก จะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตและแพร่เชื้อได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะโรคปอดบวมที่เป็นโรคซึ่งเกิดขึ้นกับระบบทางเดินหายใจ โดยปอดเกิดอาการอักเสบและติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา หรือพยาธิ โดยอาการเบื้องต้นจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล ไอแห้ง มีเสมหะปนเลือด จามคัดจมูกเจ็บหน้าอกและมีอาการท้องเสียร่วมด้วย ทั้งนี้หากพบเหตุผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดบวมและอาการเข้าขั้นฉุกเฉิน คือ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ มีเลือดหรือเสมหะปริมาณมากในปาก หายใจเสียงดังโครกคราก ตัวซีดเหงื่อท่วมตัว และต้องลุกนั่งหรือพิงผนังหรือยืนเพื่อให้หายใจได้ ควรรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เข้ามารับผู้ป่วยฉุกเฉินไปรักษาที่โรงพยาบาลให้ได้อย่างทันท่วงที
นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝนยังพบว่ามีสถิติการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างมาก เนื่องด้วยถนนที่ใช้ในการขับขี่ยวดยานพาหนะจะลื่นและเปียก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยง ดังนั้นผู้ใช้รถใช้ถนนควรขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง เช็คสภาพเบรกรถ ไฟสัญญาณรถ และไฟส่องสว่างภายในรถ รวมถึงยางรถยนต์ ที่ปัดน้ำฝนให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา และพกเบอร์โทรฉุกเฉิน ไว้ในรถอยู่เสมอเพื่อความไม่ประมาทด้วย .-สำนักข่าวไทย