วาติกัน 26 มี.ค. – คณะแพทย์ที่ทำการรักษาโป๊ปฟรังซิส ให้สัมภาษณ์สื่ออิตาลีว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งแพทย์เกือบจะปล่อยให้พระองค์สิ้นพระชนม์ ยุติการรักษาโรคปอดบวม หลังเกิดวิกฤตระบบทางเดินหายใจบ่อยครั้ง แต่พยาบาลประจำพระองค์ แนะนำไม่ให้ยอมแพ้ ให้รักษาต่อไป
เซอร์จิโอ อัลฟิเอรี หัวหน้าทีมแพทย์ที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ที่ทำการรักษาสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ให้สัมภาษณ์สื่ออิตาลีที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารว่า หลังจากโป๊ปฟรังซิสเผชิญวิกฤตเกี่ยวกับระบบหายใจเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จากการที่พระองค์อาเจียนรุนแรง คณะแพทย์ที่ทำการรักษายอมรับว่า มีความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่พระองค์อาจจะไม่รอด แพทย์ต้องเลือกว่าจะยุติการรักษาให้พระองค์ได้สิ้นพระชนม์อย่างสงบ หรือเดินหน้าใช้ยาและการบำบัดทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ แม้จะมีความเสี่ยงสูงที่อวัยวะส่วนอื่น ของพระองค์จะเสียหาย แต่ในที่สุด คณะแพทย์ก็เลือกเส้นทางนี้
การตัดสินใจดังกล่าว เกิดขึ้นจากการที่ มัสซิมิเลียโน สตราปเปตติ พยาบาลประจำพระองค์ของโป๊ปฟรังซิส เป็นผู้สั่งให้ทีมแพทย์ดำเนินการรักษาต่อไปหลังจากที่โป๊ปเกิดอาการอาเจียน ให้พยายามทุกวิถีทาง อย่ายอมแพ้ อัลฟิเอรี กล่าวด้วยว่า มีความเสี่ยงอย่างมากต่อการที่ไตและไขกระดูกของพระองค์ได้รับความเสียหายมาหลายวัน แต่ทีมแพทย์ก็เดินหน้าต่อไป ร่างกายของพระองค์ตอบสนองต่อยาดีขึ้น และอาการติดเชื้อในปอดของพระสันตปาปาก็ลดลงในที่สุด
โป๊ปฟรังซิส พระชนมายุ 88 พรรษา เข้ารักษาอาการประชวรที่โรงพยาบาลเจเมลลี เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ จากอาการหลอดลมอักเสบที่รุนแรงขึ้นจนปอดบวมทั้งสองข้าง ก่อนที่อาการประชวรจะดีขึ้น จนพระองค์เสด็จกลับวาติกันได้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากเผชิญวิกฤตสุขภาพรุนแรงที่สุดตั้งแต่อยู่ในตำแหน่ง 12 ปี โป๊ปฟรังซิสอยู่ระหว่างพักฟื้นเป็นเวลา 2 เดือนเพื่อรักษาอาการประชวรให้หายดี จึงยังไม่มีความชัดเจนว่า พระองค์จะทรงปรากฏตัวต่อสาธารณชนได้บ่อยเพียงใดในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า.-815.-สำนักข่าวไทย