กองทัพบก 18 พ.ค.-คสช.ไม่ฟันธงกลุ่มไหนวางระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ พร้อมประสานข้อมูลกับตำรวจ เพิ่มความเข้มงวดรักษาความปลอดภัยพื้นที่สนามหลวง
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจออกมาระบุว่าเหตุระเบิดบริเวณหน้าโรงละครแห่งชาติ มีลักษณะคล้ายคลึงกับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า จะต้องฟังข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นหลัก โดยการนำสิ่งของมาวิเคราะห์ว่าจะเชื่อมโยงหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวัตถุพยาน เช่น วิธีประกอบ วิธีการนำมาใช้ สถานที่ วัตถุประสงค์ เจตนารมณ์ที่ต้องการทำ ซึ่งจะทำให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเป็นบุคคลที่มีขีดความสามารถ และเป็นกลุ่มใด
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวอีกว่า พื้นที่บริเวณสนามหลวง เป็นพื้นที่ที่อ่อนไหว เพราะปัจจุบันมีงานสำคัญ แต่เป็นบททดสอบอย่างหนึ่งในเรื่องของมาตรการการดูแลรักษาความปลอดภัย ซึ่งอาจจะมีความถี่น้อยไป ดังนั้นจะต้องเพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน เข้าตรวจเฝ้าดู ซึ่งระบบการรักษาความปลอดภัยบริเวณพื้นที่สนามหลวงจะแบ่งออกเป็นชั้นๆ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดในพื้นที่ชั้นนอก แต่เราไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้
“อาจจะมีคนที่คิดหรือพยายามมองว่าถ้าตอนนี้สามารถจุดกระแสแห่งความสับสนวุ่นวาย จนทำให้เกิดความตื่นตระหนก ในลักษณะการก่อกวน ก็อาจมีคนคิดอะไรแปลก ๆ แผลง ๆ อยากจะสร้างกระแส จุดประเด็นเหล่านั้น ส่วนจะเป็นกลุ่มไหนนั้นยังตอบไม่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องติดตาม มีความตื่นตัวมากขึ้น ตรงไหนที่จะเป็นช่องว่าง ก็จะต้องนำไปสู่การแก้ไขอย่างทันท่วงที เพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจจะเกิดขึ้นอีกก็ได้ จึงต้องหามาตรการที่เหมาะสม และไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกอึดอัด หรือตื่นตระหนกจนเกินไป ทั้งนี้หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามมาตรการเหล่านี้แล้วยังไม่เพียงพอ ก็จะต้องเพิ่มมาตรการเข้าไป รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแส” พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการ คสช. ตรวจสอบเหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น คสช.ได้มีการประสานข้อมูลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ขอให้รอความชัดเจนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“ทั้งนี้ คสช.ยังไม่อยากพาดพิง หรือคาดการณ์ว่าเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวเชื่อมโยงกับใคร เพราะความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองต้องมาก่อน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการ คสช.ก็เน้นย้ำเรื่องงานด้านการข่าวและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน พร้อมระบุว่าอะไรที่เป็นช่องว่าง รอยต่อ ขอให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแล” พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย