ไทยใช้ก๊าซฯ ล่วงหน้า JDA-บงกช รองรับวิกฤติประมูลแหล่งก๊าซบงกช-เอราวัณล่าช้า

กรุงเทพฯ18 พ.ค. – ไทยใช้ก๊าซฯ ล่วงหน้า JDA-บงกช รองรับวิกฤติประมูลแหล่งก๊าซบงกช-เอราวัณล่าช้า ให้ ปตท.ขยายคลังแอลเอ็นจีแห่งแรกรับ 15 ล้านตัน ด้าน ปตท. สผ.แต่งตัวพร้อมประมูลและคงกำลังผลิตบงกชถึงปี 2563


จากปัญหาการบริหารงานพลังงานของไทยสะดุด เพราะมีการคัดค้านทั้งโรงไฟฟ้าถ่านหินและการเปิดประมูลแหล่งสัมปทานปิโตรเลียมแหล่งบงกชและเอราวัณล่าช้าส่งผลกระทบต่อก๊าซที่จะหายไปช่วงปี2564-2567 คิดเทียบเท่ากำลังผลิตไฟฟ้า 1,700 เมกะวัตต์

นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า คณะกรรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เห็นชอบแผนบริหารจัดการ ซึ่งในส่วนก๊าซของไทยจะนำก๊าซล่วงหน้าหรือก๊าซที่เดิมมีแผนจะใช้ในระยะยาวนำมาใช้ก่อน มีผลทำให้ก๊าซจะหมดเร็วกว่าแผนเดิมหากไม่พบสำรองก๊าซใหม่ โดยจะนำมาใช้ก่อนทั้งแหล่งบงกชและแหล่งพัฒนาร่วมไทย- มาเลเซีย หรือเจดีเอ ส่วนแหล่งเอราวัณนั้นทางเชฟรอนฯ ผู้ผลิตยังไม่ตอบตกลง นอกจากนี้ จะนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้น โดยให้ ปตท.ขยายการก่อสร้างสถานีรับจ่ายก๊าซแอลเอ็นจีจาก 11.5 ล้านตัน/ปี เป็น 15 ล้านตัน/ปี


สำหรับแหล่งบงกชที่ดึงก๊าซปลายแผนมาใช้นั้น จะส่งผลให้ปริมาณสำรองก๊าซฯ ที่พิสูจน์แล้วเพื่อผลิตต่อได้อีก 10 ปีก็อาจคงเหลือเพียง 8 ปี ซึ่งจะส่งผลให้ราคาประมูลของแหล่งบงกชอาจจะต่ำกว่าแหล่งเอราวัณ ส่วนราคาก๊าซฯ ในส่วนเพิ่มที่ให้ผู้ผลิต คือ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) คงระดับการผลิตนั้นจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู จากหลักเกณฑ์เดิม  

ส่วนแหล่งเจดีเอขณะนี้กำลังหารือกับมาเลเซียว่าจะเลือกรูปแบบใด โดยแหล่งนี้แต่ละฝ่ายจะรับก๊าซฯ จากแหล่งผลิตตามสัดส่วนฝ่ายละครึ่ง แนวทางแรกไทยจะขอเร่งใช้ในส่วนของไทยเพิ่มการรับก๊าซฯ อีก 120 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ส่วนแนวทางที่ 2 อาจซื้อก๊าซฯ ในสัดส่วนของมาเลเซียมาใช้ตามราคาที่ตกลงนำเข้า เพื่อให้ผ่านพ้นในช่วงวิกฤติก๊าซฯ ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กรณีนี้จะต้องรอความชัดเจนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่จะยืนยันแผนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะนะ โรงที่ 3 ขนาดประมาณ 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมีความต้องการใช้ก๊าซฯ ประมาณ 120-140 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน หากดำเนินการได้ทันก็พร้อมที่จะรับก๊าซฯ เพิ่มเข้ามาได้ในช่วงปี 2564 

สำหรับความคืบหน้าการประมูลแหล่งเอราวัณ- บงกช ที่จะหมดอายุสัมปทานปี 2565 และ2566 กำลังผลิตรวม 2,100 ล้าน ลบ.ฟ./วัน หรือประมาณร้อยละ  40  ของความต้องการใช้ก๊าซฯ ของประเทศ 


ขณะนี้กรมฯ อยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารเชิญชวนประมูล (TOR) ของแหล่งบงกชและเอราวัณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เบื้องต้นหากได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้ว คาดว่าจะออก TOR ได้ภายในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม และใช้เวลาหลังจากนั้นอีก 6-7 เดือน เพื่อคัดเลือกผู้ชนะประมูลให้แล้วเสร็จ

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. กล่าวว่า ตามแผนของภาครัฐ ปตท.สผ.จะคงกำลังผลิตแหล่งบงกชประมาณ 900 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ไปจนถึงปี 2563 หากการประมูลแหล่งหมดอายุเป็นไปอย่างรวดเร็วผู้ผลิตจะได้มั่นใจลงทุนได้ แต่เมื่อประมูลล่าช้าก็จะกระทบต่อกำลังผลิตโดยการคงกำลังผลิตต้องมีการลงทุนเพิ่ม ก็ต้องเจรจาราคาที่เหมาะสม และไม่กระทบค่าไฟฟ้าประชาชน เกณฑ์เบื้องต้น คือ ไม่สูงกว่าราคาสัญญาแอลเอ็นจีระยะยาว

โดยเบื้องต้นบริษัทได้เตรียมความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลแหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุ หลังในช่วง 3 ปีที่ราคาน้ำมันต่ำบริษัทได้ปรับกลยุทธ์จนสามารถทำให้ต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ลดลงถึงร้อยละ 30 อีกทั้งการประมูลในแหล่งบงกช ที่บริษัทเป็นผู้รับสัมปทานอยู่ในปัจจุบัน ทำให้มีความคุ้นเคยก็จะใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่เพื่อเตรียมเข้าประมูล ซึ่งน่าจะทำให้บริษัทสามารถแข่งขันในการประมูลครั้งนี้ได้ดี  

นายสมพร กล่าวด้วยว่า บริษัทเตรียมพร้อมในการประมูลแหล่งบงกชที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินการ   ขณะเดียวกันก็ให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลแหล่งเอราวัณด้วย กำลังหารือร่วมกับเชฟรอน อาจจะเป็นการประมูลร่วมกับกับกลุ่มเชฟรอนที่เป็นเจ้าของสัมปทานในปัจจุบัน ซึ่งรูปแบบอาจเป็นการตั้งบริษัทใหม่ร่วมกันเพื่อเข้าประมูล ส่งผลให้มีสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ถือหุ้นอยู่เพียงร้อยละ 5 ในโครงการคอนแทร็ค 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในแปลงของแหล่งเอราวัณ หรือ ปตท.สผ.อาจจะเข้าประมูลโดยบริษัทเอง ทั้งนี้เงื่อนไขก็ขึ้นอยูกับจะสรุปกับเชฟรอนอย่างไร

“เรื่องการประมูลแหล่งบงกช บริษัทมีความมั่นใจ เพราะเป็นโอเปอเรเตอร์อยู้แล้วและจากในช่วง 3 ปีที่ราคาน้ำมันต่ำบริษัทได้ปรับกลยุทธ์จนสามารถทำให้ต้นทุนต่อหน่วย (unit cost) ลดลงถึงร้อยละ 30 ทำให้เชื่อว่า ต้นทุนต่ำบวกความชำนาญก็ทำให้แข่งขันได้” นายสมพร กล่าว

 ส่วนเรื่องที่รัฐบาลอินโดนีเซียฟ้องร้องว่าได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วในแหล่งมอนทาราประเทศออสเตรเลียนั้น จนถึงขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้รับเอกสารแจ้งอย่างเป็นทางการจากอินโดนีเซียแต่อย่างใด.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]