กรุงเทพฯ 4 พ.ค. – กระทรวงพลังงานรวบรวมเงินอุดหนุนผู้มีรายได้น้อย ทั้งรูปไฟฟ้า แอลพีจี เอ็นจีวี ประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปี รอจัดระเบียบใหม่ จ่ายโดยคลังและเงินกองทุนน้ำมันฯ ด้านการใช้ไฟฟ้าพุ่งกว่า 30,000 เมกะวัตต์แล้ววันนี้เหตุอากาศร้อนจัด
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดผยว่า ทางกระทรวงพลังงานได้จัดทำฐานข้อมูลให้แก่กระทรวงการคลังในการดำเนินการ เพื่อนำไปประกอบการกำหนดหลักเกณฑ์ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยด้านพลังงานต่อไป โดยในส่วนของการอุดหนุนค่าไฟฟ้าฟรี ปัจจุบันอุดหนุนเฉพาะผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ติดตั้งมิเตอร์ไม่เกิน 5 แอมป์ ที่ไม่เป็นนิติบุคคล และจะต้องมีการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือน มีประมาณ 3 ล้านราย เงินอุดหนุนอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท/ปี โดยเดือนมีนาคมอุดหนุนที่ 204.11 ล้านบาท จำนวน 71.45 ล้านหน่วย เงินอุดหนุนปัจจุบันมาจากผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดกลาง กิจการขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะอย่าง และองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ซึ่งคำพิพากษาศาลปกครองกลางให้รัฐบาลยกเลิกการนำเงินจากผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่นมาอุดหนุน ซึ่งเรื่องนี้ทางกระทรวงการคลังกำลังพิจารณาหลักเกณฑ์การอุดหนุน
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานยังอุดหนุนผู้มีรายได้น้อยและหาบเร่แผงลอยด้วยราคาแอลพีจี 18.13 บาท/กก. และเอ็นจีวี รถสาธารณะ 10 บาท/กก. ซึ่งเงินอุดหนุนมาจาก บมจ.ปตท. อย่างไรก็ตาม ตามนโยบายที่กำหนด คือ หากร่าง พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กำลังเปิดรับฟังความคิดเห็นขณะนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และมีผลบังคับใช้เงินอุดหนุนก็จะมาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้มาจาก ปตท. ทั้งนี้ สำหรับเกณฑ์การพิจารณาอุดหนุนราคาแอลพีจีพิจารณาจากครัวเรือนที่ใช้ไฟไม่เกิน 90 หน่วย โดยเดือนเมษายน 2560 มีประมาณ 7,456,933 ครัวเรือน จำนวนผู้ไม่มีไฟฟ้าใช้อยู่ที่ 112,934 ครัวเรือน รวม 7.57 ล้านราย ส่วนร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหารอยู่ที่ 382,812 ราย เงินอุดหนุนประมาณ 30 ล้านบาท/เดือน ส่วนเอ็นจีวีรับทราบว่ามีการอุดหนุนประมาณ 200 ล้านบาท/เดือน
ทั้งนี้ สนพ.เชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ “ร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ….” ผ่านทางเว็บไซต์ www.eppo.go.th เป็นการดำเนินงานตาม ม.77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 โดยเปิดรับฟังตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม ถึงวันที่1 มิถุนายน 2560
นายทวารัฐ กล่าวด้วยว่า วันนี้ (4 พ.ค.) เวลา 13.27 น.ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเกิน 30,000 เมกะวัตต์แล้ว โดยอยู่ที่ 30,093.4 เมกะวัตต์ เนื่องจากอากาศร้อน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทำลายสถิติการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือพีกปี 2559 ที่ 31,365 เมกะวัตต์ อย่างไรก็ตาม ยังคาดว่าหากอากาศร้อนต่อเนื่อง การผลิตสินค้าของโรงงานเพื่อการส่งออกดีขึ้นปีนี้อาจจะเห็นพีกใหม่ที่ประมาณ 32,000 เมกะวัตต์. – สำนักข่าวไทย