ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

กรุงเทพฯ 4 พ.ค. – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ชะลอการใช้จ่ายกังวลภาวะสงคราม หนุนคลังแจกเงินคนจน ดันเศรษฐกิจโตเพิ่มร้อยละ 0.1-0.2


นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน 2560 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 อยู่ที่ระดับ 77.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมที่อยู่ที่ระดับ 76.8 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 65.4 เพิ่มขึ้นจากมีนาคมที่อยู่ที่ระดับ 65.1 และความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 94 จากเดือนมีนาคมที่อยู่ที่ระดับ 93.8 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนนี้จะขยายตัวดีขึ้น แต่เป็นการดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจเต็มที่ ยังชะลอการซื้อบ้าน รถยนต์ และท่องเที่ยว  ประกอบกับเกษตรกรยังกังวลถึงปัญหาราคาข้าวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และ มันสำปะหลัง ที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้กำลังซื้อในภูมิภาคไม่ฟื้นตัวมากนัก นอกจากนี้ยังกังวลความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ และความไม่แน่นนอนทางการเมืองระหว่างประเทศ ที่อาจเกิดสงคราม โดยเฉพาะความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งหอการค้าไทยจะติดตามดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนพฤษภาคมว่าจะดีขึ้นต่อเนื่องหรือไม่ หากปรับตัวลดลงก็แสดงว่ากำลังซื้อกำลังชะลอตัวลง 


ดังนั้นภาครัฐจะต้องเร่งเบิกจ่ายงบกลางปีลงไปในภูมิภาค และจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ ให้เร็วขึ้น เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่เกษตรและท้องถิ่นให้มากขึ้น เพื่อทดแทนช่วงพักการเพาะปลูก โดยยังมั่นใจเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.5-4 ขณะที่การส่งออกขยายตัวได้ร้อยละ  2-3 และมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 4 ตามที่กระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายไว้  หากรัฐเร่งผลักดันการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี  และมีมาตรการประกันพืชผลทางการเกษตร เพื่อเติมเงินให้เกษตรกรในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว 

นายธนวรรธน์  ยังเห็นด้วยกับมาตรการของกระทรวงการคลังที่จะมีการจ่ายเงินสวัสดิการช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 ต่อเดือนปี  โดยแนะนำให้เป็นเงินโอนเข้าบัญชีรายปี อย่างน้อย 2,500 -5,000 บาทต่อรายต่อปี ซึ่งจะใช้งบประมาณ 10,000-20,000 ล้านบาทต่อปี จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เพิ่มขึ้นได้ร้อยละ 0.1-0.2 .- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ