อาคารกีฬาเวสน์ 2 1 พ.ค.- นายกรัฐมนตรี เปิดงานวันแรงงานแห่งชาติปี 60 ย้ำยกระดับคุณภาพ เพิ่มรายได้แรงงานไทย ก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 ขออย่าเชื่อคำบิดเบือนในโซเชียล ยืนยันไม่คิดเลิกโครงการ 30 บาท
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2560 ภายใต้หลักการ “แรงงานรู้รักสามัคคี สดุดีจักรีวงศ์ รณรงค์เศรษฐกิจพอเพียง” โดยได้รับข้อเรียกร้อง 5 ข้อ จากสภาอง
ค์การลูกจ้าง 15 องค์กร และสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจและศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ อาทิ ให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และ 98 ที่ให้ลูกจ้างและนายจ้างมีหลักประกันเข้าถึงสิทธิเสรีภาพ รวมตัวเจรจาต่อรองได้ และให้ปรับปรุงกฎหมายเพื่อการคุ้มครองส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน ให้ความสำคัญกับแรงงานนอกระบบ จัดตั้งกรมคุ้มครองส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ อย่างไรก็ตาม ในปีนี้กลุ่มผู้ใช้แรงงานไม่ได้เรียกร้องขึ้นค่าแรง เพราะต้นปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ปรับขึ้นค่าแรงตามกลุ่มจังหวัดไปแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้ใช้แรงงานว่า รัฐบาลมีนโยบายสร้างงานสร้างอาชีพมั่นคงให้คนไทยมีหลักประกันทางอาชีพ และมุ่งมั่นยกระดับ คุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ใช้แรงงานทั้งในและนอกระบบ และพัฒนาทักษะฝีมือเตรียมความพร้อมแรงงานไทยเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมขอบคุณผู้ใช้แรงงานที่ช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้ามั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตลอดมา ทั้งนี้ ที่ผ่านมาแรงงานของไทยได้รับคำชมเป็นอย่างดีจากนายจ้างว่ามีฝีมือ แต่ติดอุปสรรคด้านภาษา ทำให้ไม่สามารถก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นได้ จึงอยากให้ฝึกฝนด้านภาษา ขณะเดียวกัน อยากส่งเสริมให้เรียนอาชีวะในสาขาที่เป็นความต้องการของภาคอุตสาหกรรม เพื่อจะได้มีงานทำเมื่อสำเร็จการศึกษา
“ปัญหาของประเทศขณะนี้ คือ การบิดเบือนผ่านโซเชียล เรียกร้องเพื่อตัวเอง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะการชุมนุมประท้วง ซึ่งต่างจากต่างประเทศที่จะจัดสถานที่ กำหนดจำนวนผู้ชุมนุมที่ชัดเจน แต่ประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงขอให้บุคคลที่จะเคลื่อนไหวเคารพกฎหมาย อย่าออกมาชุมนุมประท้วงเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ขอให้เข้าใจ แม้ผมจะมีอำนาจเต็มที่ แต่ก็ใช้เท่าที่จำเป็น ไม่เคยยึดติดอำนาจ ผมตั้งจิตเจตนาที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น ซึ่งหากสิ่งใดไม่ดี ผมขอรับผิดชอบ ยืนยันจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีแนวคิดยกเลิกโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค จึงอยากฝากให้ประชาชนตบปากคนพูดที่ปล่อยข่าวบิดเบือน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับ นางพิมมาศ บุญเกีย อายุ 59 ปี หญิงวัยกลางคน พยายามวิ่งเข้าไปยื่นหนังสือร้องเรียนนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกปลอมแปลงเอกสารไปกู้เงิน จนถูกยึดที่อยู่อาศัย แต่เจ้าหน้าที่ได้กันตัวออกไปพร้อมและนำข้อมูลส่งให้พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ให้ความช่วยเหลือและตรวจสอบต่อไป.-สำนักข่าวไทย