กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 29 เม.ย. กรมสบส.ห่วงภัยร้อน-แล้งน้ำ เสี่ยงโรคอุจจาระร่วง แนะ“ล้างมือฟอกสบู่หลังใช้ห้องน้ำ” ป้องกันได้ เผยตั้งแต่เดือนมกราคม –วันที่ 28 เมษายน พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงใน 77 จังหวัด รวม 317,972 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มที่พบป่วยอันดับ 1 ได้แก่ ผู้สูงอายุ อายุ 55-64 ปี พบประมาณร้อยละ 13
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ห่วงประชาชนป่วยโรคอุจจาระร่วงช่วงหน้าร้อน-ภัยแล้ง ในปี 2560 นี้ พบ 77 จังหวัดป่วยแล้ว 317,972 ราย แนะวิธีป้องกัน หมั่นล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งภายหลังใช้ห้องน้ำ/ห้องส้วม ก่อนรับประทานอาหาร/ดื่มน้ำ และก่อนให้นมเด็ก ผลการวิจัยจากประเทศอังกฤษพบการล้างมือและฟอกสบู่ด้วย เป็นวิธีขจัดเชื้อโรคออกจากมือได้ดีที่สุดให้ผลสูงถึงร้อยละ 92 หากล้างด้วยน้ำอย่างเดียวลดเชื้อโรคได้ร้อยละ 70
นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล รองโฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงหน้าร้อน ซึ่งหลายพื้นที่จะประสบภัยแล้งด้วย ปัญหาที่มักพบได้บ่อยในช่วงนี้คือโรคระบบทางเดินอาหาร และพบมากที่สุดคือโรคอุจจาระร่วง หรือที่เรียกว่าท้องเสีย ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายอุจจาระเหลวตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปหรือถ่ายเหลวเป็นน้ำ หรือถ่ายเป็นมูกเลือด พบได้ทุกวัย สาเหตุสำคัญเกิดมาจากการบริโภคอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป โดยอาการอาจมีตั้งแต่เล็กน้อยถึงรุนแรงจากภาวะขาดน้ำและเกลือแร่ อาจทำให้ช็อก หมดสติและเสียชีวิตได้ จากรายงานของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในปี 2560 นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม –วันที่ 28 เมษายน พบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงใน 77 จังหวัด รวม 317,972 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มที่พบป่วยอันดับ 1 ได้แก่ ผู้สูงอายุ อายุ 55-64 ปี พบประมาณร้อยละ 13 รองลงมาคืออายุ 15-24 ปี ประมาณร้อยละ 12 และอายุ 25-34 ปี ประมาณร้อยละ 11 เชื้อที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคอุจจาระร่วงมีหลายชนิด แต่ที่พบได้บ่อยคือ อี.โคไล (E.Coli) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบในลำไส้ในอุจจาระของคน โดยเชื้อโรคจะติดมากับมือ ซึ่งเชื้อนี้จะแพร่เชื้อมาจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อนี้เข้าไป
การป้องกันโรคอุจจาระร่วง มีวิธีการป้องกันง่ายๆ โดยขอให้ประชาชนล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง ภายหลังใช้ห้องน้ำห้องส้วม หลังเสร็จกิจกรรมที่ทำให้มือสกปรก และให้ล้างก่อนรับประทานอาหาร ก่อนดื่มน้ำ ก่อนเตรียมอาหาร และก่อนให้นมเด็ก ที่สำคัญควรปฏิบัติให้ติดเป็นนิสัย แม้ว่าในช่วงนี้บางพื้นที่จะประสบภัยแล้งมีข้อจำกัดในการใช้น้ำก็ตาม ก็ไม่ควรละเลยเรื่องนี้ โดยในอุจจาระของคน น้ำหนัก 1 กรัม จะมีเชื้อโรค 1 ล้านล้านตัว หากมีอุจจาระติดมือมา จะมีเชื้อโรคติดมาด้วย และมีโอกาสก่อให้เกิดการเจ็บป่วยได้ นอกจากนี้ควรตัดเล็บมือให้สั้นอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคที่เล็บ
นายแพทย์ภัทรพลกล่าวต่อว่า จากผลการศึกษาของวิทยาลัยอนามัย และเวชศาสตร์เขตร้อนกรุงลอนดอน (London School of Hygiene and Tropical Medicine) ประเทศอังกฤษ เปรียบเทียบการล้างมือด้วยสบู่ กับล้างมือด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว และไม่ล้างเลย ผลปรากฏว่าหากไม่ล้างมือเลยจะตรวจพบเชื้อโรคบนมือได้ร้อยละ 44 หากล้างมือด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียว จะขจัดเชื้อโรคออกจากมือได้ประมาณร้อยละ 70 แต่หากล้างมือด้วยน้ำและฟอกสบู่จะสามารถขจัดเชื้อโรคออกจากมือได้สูงถึงร้อยละ 92 โดยสบู่จะช่วยกำจัดคราบไขมันจากต่อมไขมัน เศษผิวหนัง และสิ่งสกปรกออกดีขึ้น ดังนั้นฝากสถานบริการสาธารณะต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ปั้มน้ำมัน จัดให้มีสถานที่ล้างมือพร้อมสบู่ฟอกมือที่บริเวณหน้าห้องน้ำ เพื่อตัดวงจรแพร่เชื้อโรคอุจจาระร่วง และลดความเสี่ยงป่วยโรคอุจจาระร่วงของประชาชน.-สำนักข่าวไทย