สธ.27 เม.ย.-รมว.สาธารณสุขยืนยันรัฐบาลไม่ล้มเลิกโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมพัฒนาให้ดีมากขึ้น ทั้งด้านสิทธิประโยชน์ คุณภาพบริการ ล่าสุด ครม.อนุมัติงบเพิ่ม 5,000 ล้านบาท ให้กระทรวงฯ พัฒนาระบบบริการ รวมทั้งเพิ่มงบเหมาจ่ายรายหัวปี 2561 ในวงเงิน 7,088.29 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2560 ร้อยละ 4.28
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีข่าวรัฐบาลจะพยายามยกเลิกโครงการบัตรทองว่า ขอยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ประชาชนไม่ต้องกังวล รัฐบาลไม่มีนโยบายล้มเลิกโครงการนี้อย่างแน่นอน มีแต่จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ร่วมกันพัฒนาระบบบริหารจัดการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการดูแลและปรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดประโยชน์สูงสุด ได้รับการบริการที่ดียิ่งขึ้นและระบบสุขภาพมีความยั่งยืน
“ระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทย สามารถเป็นตัวอย่างให้กับนานาประเทศ และได้รับเชิญให้นำเสนอประสบการณ์ดำเนินงานในการประชุมเวทีระดับโลก เป็นต้นแบบให้หลายประเทศเข้ามาศึกษา ดูงาน นอกจากนี้ในปีนี้คณะรัฐมนตรียังอนุมัติงบกลาง 5,000 ล้านบาท ให้กระทรวงสาธารณสุขใช้ในการพัฒนาระบบบริการ อาทิ การดูแลรักษาผู้ป่วยใน และผู้ป่วยทารกวิกฤต” นพ.ปิยะสกล กล่าว
ด้านนพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคหรือระบบหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองยังเดินหน้าต่อไปรัฐบาลไม่เคยยกเลิกโครงการ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินการ ล่าสุดคณะรัฐมนตรี รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพิ่งอนุมัติงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2561 ซึ่งได้รับเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2560 ถึงร้อยละ 4.28 คิดเป็นเงิน 7,088.29 ล้านบาท ขณะที่งบเหมาจ่ายรายหัวก็ได้รับ 3,197.32 บาทต่อประชากร โดยได้รับเพิ่มขึ้นหัวละ 87.45 บาท จากปี 2560 ที่ได้รับ 3,109.87 บาทต่อประชากร ขณะเดียวกันคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติยังได้พัฒนาสิทธิประโยชน์ และคุณภาพบริการเพิ่มขึ้นตลอดเวลาเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีที่สุด
“สปสช.ขอยืนยันว่าข่าวที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์ว่ารัฐบาลจะยกเลิกโครงการ 30 บาทหรือระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้น เป็นข่าวที่ไม่มีมูลความจริง สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือรัฐบาลกำลังพัฒนาให้ระบบดีขึ้น”เลขาธิการ สปสช. กล่าว.-สำนักข่าวไทย