กรุงเทพฯ. ครม.ยังไม่พิจารณารับทราบแผนแยก “PTTOR”ธุรกิจค้าปลีก ปตท. ด้าน ปตท.ถอนวาระประชุมผู้ถือหุ้นเห็นชอบ ออก IPO พร้อมเสนอ ธพ.ให้ PTTOR เป็นผู้ค้า ม.7 ในเดือน ก.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะนี้ ครม.ยังไม่พิจารณา รับทราบการปรับโครงสร้าง การปรับโครงสร้างธุรกิจที่จะแยก”บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด” หรือ PTTOR เป็นบริษัทแกนนำของกลุ่มดูแลธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก หลังจาก คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบตั้งแต่ 17 ก.พ.2560 ท่ามกลางกระแสคัดค้านของกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วย เช่น กลุ่มเอ็นจีโอ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แม้ว่าจะมีคำยืนยันไม่กระทบความมั่นคงพลังงาน และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้รัฐวิสาหกิจเข้าแข่งขันในกิจการที่เอกชนแข่งขันได้สมบูรณ์แบบก็ตาม
ด้วยความกังวลดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. เมื่อวันที่ 21 เม.ย. จึงมีมติขอการแก้ไขระเบียบวาระที่ 6 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 28 เม.ย.นี้ จากเดิมรายงานและขออนุมัติการปรับโครงสร้าง ปตท. และการ เสนอขายหุ้นสามัญ PTTOR ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลท. โดยระบุว่า มีเหตุเนื่องจากปตท.ต้องการให้ที่ประชุม ผู้ถือหุ้น ได้รับทราบความเป็นไปได้ของแผนการเสนอขาย IPO และการนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคต (“รายการ IPO”) โดยไม่ต้องลงมติ อนุมัติเพราะรายการ IPO ดังกล่าวมิใช่เป็นข้อกำหนดทางกฎหมายที่จะต้องเสนอให้ที่ประชมุ ผู้ถือหุ้นอนุมัติ แต่เนื่องจากเป็นข้อมลูที่สำคัญจึงควรนำเสนอข้อมูลให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น ได้รับทราบและการถอนระเบียบวาระที่ 7 มีเหตุสืบเนื่องจากปตท.ต้องการลดความกังวลของผู้ถือหุ้น
โดยคณะกรรมการ ปตท. เห็นควรอนุมัติการปรับโครงสร้าง ปตท. ซึ่งประกอบด้วย การโอนกิจการของหน่วยธุรกิจน้ำมัน รวมถึงสินทรัพย์และหนี้สินของหน่วยธุรกิจดังกล่าว ตลอดจนหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องให้ PTTOR โดยที่การโอนกิจการจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ ปตท. ได้รับการอนุมัติและ/หรือความเห็นชอบที่จำเป็นสำหรับการปรับโครงสร้างปตท.จากส่วนราชการ
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บมจ.ปตท.ได้แจ้งถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจที่จะแยก”บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด” หรือ PTTOR เป็นบริษัทแกนนำของกลุ่มดูแลธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกออกมาจึงได้ทำหนังสือมายัง ธพ.เพื่อขอเป็นผู้ค้ามาตรา 7 ซึ่งได้แจ้งที่จะดำเนินการทุกอย่างให้ชัดเจนภายในกรกฏาคมนี้เพราะหากไม่ได้ดำเนินการตามกฏหมายและขั้นตอนอาจกระทบต่อการค้าปลีกน้ำมันในปั๊มปตท.ทั่วประเทศให้สะดุดได้ซึ่ง ธพ.ได้เร่งดำเนินการให้เพราะปตท.เป็นผู้ค้ามีส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 1 หากไม่สามารถจำหน่ายน้ำมันได้จะกระทบต่อประชาชน
สำหรับกรณีที่กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ได้เคยทำหนังสือมาเพื่อขอให้ธพ.พิจารณาลดสำรองน้ำมันดิบที่โรงกลั่นต้องสำรองทางกฏหมายร้อยละ 6 และผู้ค้าต้องสำรองน้ำมันสำเร็จรูปร้อยละ 1 โดยขอให้ลดสำรองส่วนของน้ำมันดิบมาเหลือร้อยละ 5 นั้น ธพ.กำลังศึกษาอยู่โดยก่อนหน้านี้ที่ได้หารือร่วมกันธพ.เองต้องการให้ที่สุดการสำรองจะต้องรวมกันเป็นร้อยละ 7 ดังนั้นต้องไปหารือกันเองว่า ถ้าลดน้ำมันดิบแล้วจะไปเพิ่มในส่วนของน้ำมันสำเร็จรูปได้หรือไม่-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม