สนช.รับหลักการวาระ 1 ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง

รัฐสภา 21 เม.ย. – สนช.รับหลักการวาระ 1 ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง คะแนนเอกฉันท์ กรธ. หวังให้พรรคการเมืองมีอิสระไม่ถูกครอบงำจากนายทุน


ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองโดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยืนยันหลักการว่า ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มุ่งให้พรรคการเมือง สามารถดำเนินกิจการได้โดยอิสระ ไม่ถูกครอบงำ มีมาตรการกำกับดูแลสมาชิกพรรคที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และให้การบริหารพรรคการเมืองหลังจากนี้ เป็นไปอย่างเปิดเผย

ขณะที่สมาชิก สนช. มีทั้งสนับสนุนและท้วงติงบางประเด็นของร่างกฎหมายลูกฉบับนี้ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิก สนช. ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ชี้แจงถึงการเชิญผู้แทนพรรคการเมือง และนักวิชาการ เข้าหารือก่อนหน้านี้ มีเสียงสะท้อนว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ทำให้จัดตั้งพรรคการเมืองยาก แต่ถูกยุบง่าย ซึ่งขัดต่อหลักการของระบอบประชาธิปไตย และการกำหนดทุนประเดิมของพรรคการเมือง และค่าสมาชิกของพรรคการเมืองนั้น จะเกิดปัญหานายทุนพรรคมากขึ้นได้ และยังตั้งข้อสังเกตต่อองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาการเมือง และคณะกรรมการกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองว่า เหตุใดจึงตัดสัดส่วนของผู้แทนพรรคการเมืองออกไป และในร่างกฎหมาย มีบทลงโทษรุนแรงกับผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง จึงอาจเป็นเหตุให้ไม่มีคนรุ่นใหม่ เข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองได้ เพราะกลัวบทลงโทษที่รุนแรง


นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิก สนช. เห็นว่า โทษต่าง ๆ ที่กำหนดในร่างกฎหมายพรรคการเมืองฉบับนี้ ยังน้อยเกินไปและไม่รุนแรงพอ และสนับสนุนการเก็บค่าสมาชิกพรรคการเมือง

นายวัลลภ ตังคนานุรักษ์ สมาชิก สนช. เห็นด้วยกับหลายเนื้อหาในร่างกฎหมายฉบับนี้ ทั้งเรื่องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือห้ามสมาชิกพรรค รับเงินหรือทรัพย์สินจากบุคคลภายนอก แต่ยังกังวลในกรณีการจ่ายเงินบำรุงพรรคการเมืองของสมาชิก ที่หากขาดการชำระ 2 ปี จะต้องพ้นสมาชิกภาพนั้น อาจเป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไป

นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล สมาชิก สนช. เห็นด้วยกับร่างกฎหมาย เพราะอาจเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองของประเทศในอนาคต และสนับสนุนระบบการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งของพรรคการเมือง แต่ยังกังวลต่อการบังคับใช้ เพราะเห็นว่า การจัดตั้งพรรคการเมืองที่ต้องหาสมาชิก 500 คนนั้น ยากเกินไป และการวางทุนประเดิม 1 ล้านบาท อาจจะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีฐานะ มากกว่าผู้ที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง รวมถึงการระดมสมาชิกในช่วงการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้น จะเป็นอุปสรรคต่อพรรคการเมืองขนาดเล็ก


นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช. เห็นด้วยกับการให้สมาชิกพรรคจ่ายค่าบำรุงพรรคการเมือง เพื่อให้สมาชิกพรรคมีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของพรรคการเมือง แต่จะต้องมีการตรวจสอบว่าเงินดังกล่าวจะต้องไม่ใช่เงินทดรองจ่ายจากพรรคการเมือง  การจัดตั้งพรรคการเมืองนั้น ควรจัดตั้งง่าย และยุบยาก

นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. เห็นด้วยกับร่างกฎหมายฉบับนี้ และเห็นว่า ก่อนการรัฐประหารนี้ ไม่มีพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง หวังว่า ในขั้นกรรมาธิการ จะมีการพิจารณาปรับแก้ให้เหมาะสม และยังหวังว่า ในร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. นั้น จะสามารถตอบโจทย์เรื่องการเลือกตั้งโปร่งใส มีกรรมการองค์กรอิสระที่กล้าหาญ และโปร่งใสได้

นายมีชัย ชี้แจงถึงข้อท้วงติงจากพรรคการเมืองและนักวิชาการ ที่ว่าตั้งพรรคการเมืองนั้นยาก และถูกยุบง่าย ว่า การตั้งสมาชิก 500 คน ถือว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสม เพราะจำนวนที่ กกต. เสนอมานั้น สูงถึง 5,000 คน ขณะที่การยุบพรรคนั้น ในกฎหมายระบุไว้ชัดเจน เช่น การไปรับเงินจากต่างประเทศ หรือเป็นความผิดรุนแรง ที่เป็นภัยต่อประเทศ และประชาชน ส่วนการจ่ายเงินทุนประเดิมพรรคนั้น ไม่ได้เพื่อให้สมาชิกมีส่วนร่วมในพรรคการเมืองเท่านั้น แต่เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 258 ที่การปฏิรูปพรรคการเมือง สมาชิกจะต้องมีส่วนร่วม และความรับผิดชอบอย่างแท้จริง 

ประธาน กรธ. กล่าวว่า กรธ. ได้ขอให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ ไปสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศ เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนร้อยละ 78.8 เห็นว่า สมาชิกพรรคการเมืองควรเสียค่าสมาชิก ซึ่งในจำนวนนี้ ร้อยละ 18.8 เห็นว่าควรเก็บเกิน 200 บาทต่อปี และร้อยละ 13 ควรเก็บ 100 บาทต่อปี ซึ่ง กรธ. ก็ได้ลดหย่อนให้พรรคการเมืองไว้ในบทเฉพาะกาล ให้สมาชิกในพรรคการเมืองเก่าจ่ายค่าบำรุงพรรค 50 บาท จากนั้นจึงค่อยขยับขยายไป เพื่อให้สมาชิกมีส่วนร่วมในพรรคการเมือง

นายมีชัย ยังชี้แจงถึงกรณีการตัดสัดส่วนของผู้แทนพรรคการเมืองจากองค์ประกอบของคณะกรรมการพัฒนาการเมือง และคณะกรรมการกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองว่า เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และจะไม่เป็นธรรมกับพรรคการเมือง ที่ไม่มีผู้แทนในคณะกรรมการ และชี้แจงถึงการกำหนดบทลงโทษในร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ว่าได้พิจารณาอย่างรอบคอบ แต่หาก สนช. เห็นว่า โทษใดที่รุนแรงเกินไปและจะปรับลด กรธ. ก็ยอมรับ

จากนั้น สนช. มีมติรับหลักการวาระ 1 ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมือง ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 175 เสียง พร้อมตั้งกรรมาธิการวิสามัญ 31 คนจาก สนช. 25 คน กรธ. 2 คน และตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี กรรมการการเลือกตั้ง และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และกฤษฎีกาหน่วยงานละ 1 คน  พิจารณา 45 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มีทั้งสิ้น 129 มาตรา สาระสำคัญของ กรธ.มุ่งหวังให้พรรคการเมืองเป็นเครื่องมือของประชาชนอย่างแท้จริง ในการเข้ามาทำหน้าที่พัฒนาประเทศ ตั้งเป้าให้ได้นักการเมืองที่ดี ทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง  กำหนดให้สมาชิกร่วมจัดตั้งพรรคเริ่มแรกจำนวน ไม่เกินกว่า 500 คน และร่วมกันจ่ายเงินทุนประเดิมคนละ 1 พันบาท แต่ไม่เกิน 3 แสนบาท ซึ่งรวมแล้วจะต้องมีทุนประเดิมในการจัดตั้งพรรคไม่เกิน 1 ล้านบาท  และยังกำหนดห้าม ส.ส.ของพรรคการเมืองรับเงินจากบุคคลภายนอก หากฝ่าฝืนมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ตามกฎหมายอาญา 

ขณะเดียวกัน ให้พรรคการเมืองที่จดทะเบียนก่อนกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้เรียกเก็บค่าบำรุงพรรคจากสมาชิกให้ได้ 500 คน ภายใน 180 วัน เพื่อรักษาสถานภาพพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองที่สามารถเก็บค่าบำรุงตามที่กำหนดจะสามารถส่งสมาชิกลงเลือกตั้งได้ นอกจากนี้ยังกำหนดให้พรรคการเมืองมีหน้าที่ 4 ประการ ทั้งการให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับระบบการปกครอง การเสนอแนวทางพัฒนาประเทศและแก้ไขปัญหาในสังคม การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอำนาจรัฐ และการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ให้เกิดสามัคคีปรองดอง 

อย่างไรก็ตาม การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญของ สนช.นั้นจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับร่าง ซึ่งการพิจารณาร่างกฎหมายลูกว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้งและร่างกฎหมายลูกว่าด้วยพรรคการเมือง ทั้ง 2 ฉบับในวันนี้ กรธ. ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 16 มิถุนายน .-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย