สำนักข่าวไทย 16 เม.ย.- ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ระบุสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ จะไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง หลายฝ่ายคาดศักยภาพเกาหลีเหนือยังมีไม่มากนัก เตือนอย่าตื่นตระหนก
นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทย ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ หลังเกาหลีเหนือทดลองยิงขีปนาวุธแสดงแสนยานุภาพทางการทหาร ที่หลายฝ่ายกังวลว่าอาจเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ว่า การเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ ในระยะนี้ ไม่น่าจะเกิดความรุนแรง เรื่องนี้จะเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว เมื่อเกาหลีเหนือต้องการเรียกร้องความสนใจของสหรัฐฯ เช่น ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือมีประเด็นที่เกาหลีเหนือต้องการเรียกร้องความสนใจ อาทิ ความช่วยเหลือทางด้านอาหาร พลังงาน และต้องการตอบโต้สหรัฐฯ ในบางเรื่อง เช่นสหรัฐฯ เพิ่มกำลังในภูมิภาค และส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าไปในบริเวณคาบสมุทรเกาหลี
นายปณิธาน กล่าวว่า เกาหลีเหนือก็จะแสดงจุดยืนให้เห็นว่าไม่หวาดกลัวสหรัฐฯ และมีนโยบายที่เป็นอิสระ ที่สำคัญคือในช่วงที่เกาหลีเหนือมีการเฉลิมฉลองวันครบรอบบุคคลสำคัญ หรือวันครบรอบการก่อตั้งประเทศ วันครบรอบเหตุการณ์สำคัญทางทหารก็ดี เกาหลีเหนือจะแสดงแสนยานุภาพใหม่ ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้สหรัฐฯ และโลกเห็นว่าเกาหลีเหนือสามารถป้องกันตัวเองได้ และไม่หวาดกลัวต่อภัยคุกคามจากสหรัฐฯ ที่เกาหลีเหนือมองว่าเป็นภัยคุกคามที่สำคัญมาก เนื่องจากสหรัฐฯ ในรอบหลายปีที่ผ่านมาระบุว่าเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ เช่นเดียวกับอิรัก อิหร่าน ที่สหรัฐฯ เคยระบุ เกาหลีเหนือจึงมีนโยบายสร้างความเข้มแข็งด้านการทหาร และใช้ความเข้มแข็งนี้เป็นเครื่องมือทางการทูตในการต่อรอง
“ทุกฝ่ายเชื่อว่าเกาหลีเหนือยังไม่มีความสามารถเพียงพอ แม้จะมีความสามารถคุกคามเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ในบางลักษณะ แต่การพัฒนาความสามารถจริงทางการทหาร ขีปนาวุธข้ามทวีป ที่นำออกมาแสดงนั้น ก็ไม่มีใครทราบว่าทำงานได้จริงหรือไม่ และเมื่อคืนวานมีการทดลองยิงขีปนาวุธอีกชุด ปรากฏว่าล้มเหลว และระเบิดขึ้นก่อนขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้เห็นว่าศักยภาพของเกาหลีเหนือน่าจะมีไม่มากนัก” นายปณิธาน กล่าว
เมื่อถามว่าสถานการณ์จะนำไปสู่สงครามโลกได้หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า สงครามของมหาอำนาจ ที่จะเกี่ยวข้องกับจีน รัสเซีย ในภูมิภาคนี้ ไปเกี่ยวข้องกับการเจรจา 6ฝ่าย ของเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ในคาบสมุทรเกาหลี ขณะนี้ยังไม่เห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงจากจีน รัสเซีย แม้เกาหลีเหนือจะมีความใกล้ชิดกับจีนค่อนข้างมาก และจุดยืนของรัสเซีย ไม่ต้องการให้สหรัฐฯ เข้าไปมีบทบาทมากนักในเรื่องของเกาหลีเหนือ และในภาพรวมทั้งจีนและรัสเซีย ยังไม่ได้ขัดแย้งกับสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ ฉะนั้นโอกาสที่จะเกิดสงครามของมหาอำนาจและเกิดสงครามโลก จึงมีน้อย
“แต่ต้องจับตาดูพัฒนาการ เพราะในประวัติศาสตร์โลก อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้บ้าง แต่ในกรณีนี้โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะทุกประเทศได้ประโยชน์จากการค้า และได้ประโยชน์จากเสถียรภาพของเอเชีย และทุกประเทศก็ได้ประโยชน์จากการร่วมมือกันของสหรัฐ รัสเซียและจีน ในอีกหลายเรื่องที่มีผลประโยชน์เกี่ยวพันกัน เพียงแต่ว่าจะควบคุมเกาหลีเหนือไม่ให้มีพฤติกรรมเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ อย่างไร และควบคุมสหรัฐฯ ไม่ให้ยั่วยุเกาหลีเหนืออย่างไร รวมถึงจะควบคุมนักท่องเที่ยว นักลงทุนที่มาลงทุนในเอเชียไม่ให้หวาดกลัวอย่างไร ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นปัญหาที่ท้าทายของหลายประเทศ” นายปณิธาน กล่าว
ต่อข้อถามว่าประเทศไทยควรเตรียมพร้อมรับมืออย่างไร นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่ควรตื่นตระหนกกับเหตุการณ์เหล่านี้มากนักและควรแสวงหาข้อเท็จจริง ให้ชัดเจน แม้ว่าการรายงานของสื่อออนไลน์สมัยใหม่จะค่อนข้างเข้มข้นกว่าสื่อปกติ มองแล้วค่อนข้างน่ากลัว เมื่อถามว่าไทยควรแสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้อย่างไรในเวทีโลก นายปณิธาน กล่าวว่า ไทยมีจุดยืนที่ชัดเจน คือเป็นมิตรกับเกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ และยังมีข้อผูกพันกับสหประชาชาติในการคงไว้ซึ่งบทบาทการรักษาสันติภาพในเกาหลีใต้ ปัจจุบันเรามีบทบาทที่เป็นกลาง เป็นมิตรกับสองประเทศ และมีจุดยืนที่สอดคล้องกับอาเซียนที่ต้องการเห็นการเจรจาสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี และผลักดันผ่านอาเซียนให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้นำปัญหาความขัดแย้งมาพูดคุยกัน โดยมีอาเซียนรับฟัง และประสานงาน.-สำนักข่าวไทย