ตลท. 10 เม.ย. – ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทยระบุเหตุการณ์ไม่สงบต่างประเทศไม่กระทบตลาดทุนไทย แนะศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน ส่วนดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าทรงตัว รอความชัดเจนสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองต่างประเทศ
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวถึงเหตุการณ์วุ่นวายในหลายประเทศขณะนี้ว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดทุนไทย เนื่องจากไทยมีปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจแข็งแกร่ง ขณะที่เงินบาทไม่แข็งเกินไปอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาค มองเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะไม่รุนแรงถึงสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ โดยนักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน ส่วนมูลค่าการซื้อขายที่ลดลง เพราะเป็นช่วงก่อนสงกรานต์ซึ่งเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
สำหรับช่วงที่เหลือปีนี้ปัจจัยที่จะเป็นตัวสนับสนุนตลาดเงินตลาดทุน คือ การลงทุนภาครัฐ ทั้งโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง โครงการพัฒนารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ โครงการรถไฟฟ้าทั้งส่วนต่อขยายและเส้นทางใหม่ แต่เม็ดเงินลงทุนเอกชนก็มีความสำคัญเช่นกัน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง ส่วนปัจจัยเสี่ยง คือ ความล่าช้าในการลงทุนของภาครัฐ นโยบายเศรษฐกิจสหรัฐต่อประเทศคู่ค้า
นายคเณศ วังส์ไพจิตร เลขาธิการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลงร้อยละ 18.06 แต่ยังอยู่ในภาวะทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ขณะที่ภาพรวมนักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ต่างประเทศอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป ซึ่งอาจจะกระทบการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ แต่นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศที่จะสามารถช่วยบรรเทาผลกระทบจากความไม่แน่นอนในต่างประเทศ โดยนักลงทุนมองตลาดหุ้นไทยอีก 3 เดือนข้างหน้าจะทรงตัว เพื่อรอความชัดเจนของสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองในต่างประเทศ ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเดือนมีนาคม อยู่ที่ 90.33 จุด ลดลงร้อยละ 18.06 จากเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 110.24 จุด
ทั้งนี้ นักลงทุนให้ความสนใจหลักทรัพย์กลุ่มธนาคารจากมูลค่าพื้นฐานที่อยู่ระดับต่ำ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากการเปิดประมูลโครงการลงทุนภาครัฐที่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคจากราคาน้ำมันที่เริ่มทรงตัวและกลุ่มโรงพยาบาลที่ผลประกอบการแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่หลักทรัพย์ไม่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มเงินทุนหลักทรัพย์ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ กลุ่มแฟชั่น และกลุ่มกระดาษและวัสดุสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นหลักทรัพย์อิงการบริโภคในประเทศเป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย