ขอชาวสองแควเทคะแนนให้เข้ามาแก้ยากจน

พิษณุโลก 8 พ.ค.-พปชร.เดินสายปราศรัยเมืองสองแคว “สันติ” นำทัพขอเสียงผู้สมัคร 2 เขต ส่ง “ลุงป้อม” ทำภารกิจนายกฯ ทำสงครามกับความยากจน ดันเป็นวาระแห่งชาติ ทุกนโยบายทำทันที


พรรคพลังประชารัฐ เดินสายปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดพิษณุโลก นำโดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวราเทพ รัตนากร คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยเริ่มจากเวทีแรกที่ลานพระบรมรูปพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อำเภอนครไทย และจุดที่สอง ที่ลานวัดสุพรรณพนมทอง อำเภอวังทอง ช่วยนายเอกพงษ์ กุลเจริญ ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เบอร์ 1 เขต 5 และนายหัสนัยน์ สอนสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เบอร์ 7 เขต 3 หาเสียง

นายสันติ กล่าวปราศรัยทั้ง 2 เวทีว่า รู้สึกดีใจที่พี่น้องชาวจังหวัดพิษณุโลกให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอฝากผู้สมัครทั้ง 2 คนที่มีคุณภาพของ พปชร. ไว้เป็นตัวแทนพี่น้องที่พร้อมดูแลและพัฒนาจังหวัดพิษณุโลก เรามีความตั้งใจให้พี่น้องกินดีอยู่ดี นโยบายสำคัญที่สุดของพรรคพลังประชารัฐที่จะส่งถึงพี่น้องประชาชน คือ นโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง หากชุมชนมีความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกัน การคิดต่างคิดไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องปกติ แต่ขออย่าขัดแย้งกัน เพราะความขัดแย้งจะทำให้การพัฒนาของบ้านเราไม่เจริญ และเมื่อก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้แล้ว ก็จะนำไปสู่การก้าวข้ามความยากจน


“วันนี้เรามุ่งมั่นที่จะเลือกผู้แทนของเรา มาเป็นตัวแทน นำเสนอปัญหาของพี่น้องประชาชนต่อรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน แก้ไขปัญหาให้กับชาวพิษณุโลก เพราะพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นเมืองเกษตร ทั้งข้าว ข้าวโพด และผลไม้ชนิดต่างๆ ถ้าพัฒนาขึ้นมาเป็นกลุ่มภาคการเกษตร ที่มีตัวแทนจำหน่าย วางแผนในการเพาะปลูก ก็จะทำให้ได้ราคามากยิ่งขึ้นและมีประสิทธิภาพ และเรื่องน้ำ ที่พี่น้องประชาชนมีความต้องการ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้ทำพื้นที่กักเก็บน้ำในแม่น้ำ เพื่อให้หน้าแล้ง สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ทำการเกษตร ในช่วงน้ำหลาก และสำรวจพื้นที่ที่เป็นแอ่งน้ำสำรองขุดลอกคูคลอง เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำมาใช้ในการเกษตรฤดูแล้ง” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

นายสันติ กล่าวถึงบัตรประชารัฐของพี่น้องที่พรรคพลังประชารัฐจะผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนนำเงินไปใช้ดำรงชีวิต ซึ่งหาก พล.อ.ประวิตร ได้เป็นรัฐบาล จะเพิ่มบัตรประชารัฐ 300 เป็น 700 บาท ในทันที เราจะเติมทุนตั้งต้นเพื่อประกอบอาชีพ คนละ 30,000 บาท โดยผ่านการฝึกอบรมและเพิ่มทักษะการประกอบอาชีพ เมื่อผ่านแล้วจะได้ทุนตั้งต้นทันทีในการประกอบอาชีพค้าขาย เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว โดยไม่ต้องไปกู้ยืม นอกจากนี้ ยังห่วงผู้สูงอายุ ซึ่งผู้ถือบัตรประชารัฐ ยังมีนโยบายประกันชีวิตอีก 200,000 บาท

“วันนี้ผมมารับรองว่า ทุกนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐนำเสนอ สามารถทำได้จริง และจะทำทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล ผมขอฝากเลือกเบอร์ 37 เลือกพรรคพลังประชารัฐ เลือก พล.อ.ประวิตร เข้าไปทำทันที สำหรับนโยบายเหล่านี้ที่กล่าวมาทั้งหมด” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าว


ขณะที่นายชาญกฤช ปราศรัยว่า พล.อ.ประวิตร ประกาศสงครามกับความยากจน เงินในกระเป๋าจะต้องมีมากขึ้น สิ่งที่เราจะทำทันที คือ ประกาศลดราคาเบนซินทันที และราคาน้ำมันดีเซล ถ้าลุงป้อมได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ จะประกาศลง 6 บาท/ลิตร ทันที ก๊าซหุงต้ม จะลดลงเหลือ 250 บาท/ถัง และจะลดค่าไฟ หน่วยละ 4.70 บาท นี่คือสิ่งที่เราจะทำสงครามกับความยากจนให้เห็นเป็นรูปธรรม ปรับลดพลังงานทั้งระบบ

“มาฟังข่าวดีได้เลย เมื่อ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นนายกฯ และการปรับโครงสร้างหนี้ทันทีใน 100 วันเมื่อเป็นรัฐบาล ทั้งในและนอกระบบ โดยการผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลจะเข้ามาเจรจากับเจ้าหนี้ ทั้งในระบบและนอกระบบ โดยทำทันที เช่น พักเงินต้น ลดดอกเบี้ย และย้ายจากธนาคารเก่าไปสู่ธนาคารใหม่ พี่น้องที่ปลูกพืชทางการเกษตร ต้องใช้ปุ๋ยในการดูแลพืชผล พรรคพลังประชารัฐจะมาช่วยพี่น้องคนละครึ่ง ในการชำระค่าปุ๋ย พร้อมจัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ เมื่อลุงป้อมเป็นนายกฯ” นายชาญกฤช กล่าว

นายชาญกฤช กล่าวว่า ลุงป้อมมีลักษณะเด่น คือ เดินช้า คิดเร็ว และตัวเบา คือที่เดินช้า เพราะมีปัญหาเรื่องเส้นประสาท แต่เป็นคนที่คิดเร็ว แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็ว แม้อาจจะเดินช้า แต่สมองแก้ปัญหาเร็ว และลุงป้อมหูไม่เบา มีการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และสิ่งสุดท้าย ลุงป้อม ตัวเบา ไม่มีครอบครัว ไม่มีภรรยาและลูก บั้นปลายชีวิตของลุงป้อม ตั้งใจที่จะทำให้กับพี่น้องประชาชน สามารถก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความยากจน และทำภารกิจให้กับประเทศชาติ

“ลุงป้อมแม้ขาไม่ดี แต่เดินทางไปทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด เพื่อแก้ปัญหากับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้นอกระบบ ที่ทำกิน แหล่งน้ำ นี่คือว่าที่นายกฯ ที่พี่น้องสบายใจได้ว่าพร้อม และไม่มีห้วงเวลาไหนไม่คิดถึงพี่น้องประชาชน อยากฝากพี่น้องประชาชนเป็นกระบอกเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ ไปฝากญาติพี่น้อง ในวันที่ 14 พฤษภาคม ขอให้ไตร่ตรองให้ดี ลุงป้อมได้ประกาศสงครามกับความยากจน และก้าวข้ามความขัดแย้ง” นายชาญกฤช กล่าว

ด้านนายวราเทพ กล่าวย้ำถึงนโยบาย มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน มีที่ทำกินไม่มีจน ซึ่งหากพี่น้องมีปัญหาเรื่องที่ดิน และเรื่องน้ำ ต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ ทุกพรรคการเมืองหาเสียง อยากจะแก้ไขปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิที่ดิน เรื่อง ส.ป.ก. พร้อมยืนยันว่า คนที่ทำได้แน่นอน คือ พล.อ.ประวิตร เพราะมีประสบการณ์ ดังนั้น พิษณุโลก 5 เขต เราขอยกทีม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันนี้ (8 พ.ค.) พรรคพลังประชารัฐ จะปราศรัยใหญ่ที่ อ.พรหมพิราม เป็นเวทีที่ 3 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค นำการปราศรัย ซึ่งถือเป็นโค้งสุดท้ายของเวทีการหาเสียงที่มีความเข้มข้นและคึกคัก.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]