สทน. จับมือกรมศิลฯ ใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่องานโบราณคดี

กรมศิลปากร 8 ส.ค. 63 – สทน. จับมือกรมศิลปากร ใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์สนับสนุนงานด้านโบราณคดีของชาติต่อเนื่องอีก 5 ปี


สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ร่วมกับกรมศิลปากร ลงนามความร่วมมือ ต่ออายุความร่วมมือทางวิชาการอีก 5 ปี เพื่อร่วมศึกษาวิจัยและพัฒนากระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ มาใช้สนับสนุนการศึกษา ค้นคว้า ฟื้นฟูอนุรักษ์โบราณวัตถุและศิลปวัตถุของชาติ ณ กรมศิลปากร (เทเวศร์)

รศ. ดร. ธวัชชัย  อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า เทคโนโลยีนิวเคลียร์ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการตรวจสอบหาอายุของโบราณวัตถุ  เพราะเป็นเทคนิคการวิเคราะห์ที่ไม่ทำลายตัวอย่าง หรือใช้ตัวอย่างในปริมาณที่น้อยมาก  สทน. มีห้องปฏิบัติการไอโซโทปรังสี และใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ สำหรับใช้ตรวจวิเคราะห์หาอายุโบราณวัตถุมากว่า 10 ปี  โดยใช้เทคนิคในการวิเคราะห์ 2 แบบ คือ การวิเคราะห์โดยอาศัยคาร์บอน -14 (C-14dating) และการวิเคราะห์อายุโดยการเรืองแสงความร้อน (TL/OSL dating)


ซึ่งจากการขยายความร่วมมือของ 2 หน่วยงานในอีก 5 ปีนี้ จะมีการดำเนินการร่วมกันเพิ่มเติม ได้แก่ 1.งานวิจัยและพัฒนา  2.การสำรวจ วิเคราะห์ และเก็บตัวอย่าง  3.การเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ มั่นใจว่าจะยกระดับความรู้ เพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานของบุคลากรทั้งสองฝ่าย นำมาใช้สนับสนุนการศึกษา ค้นคว้า ฟื้นฟูและการอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณวัตถุและศิลปวัตถุ ซึ่งเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้งในด้านห้องปฏิบัติการไอโซโทป ของ สทน. ยังได้รับการรับรองจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) มั่นใจได้ว่าห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ด้านสิ่งแวดล้อมและโบราณคดีของ สทน. มีความทันสมัยมากที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ดร.ศศิพันธ์  คะวีรัตน์ นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ชำนาญการพิเศษ กล่าวว่า เทคโนโลยีนิวเคลียร์ของไทย เทียบได้กับระดับโลก มีเทคนิคที่ใช้งานเกือบครบถ้วน อีกทั้งยังสามารถพัฒนาใช้เทคนิคให้เหมาะสมกับโบราณวัตถุที่มีลักษณะเฉพาะของคนไทย การตรวจวิเคราะห์มีความถูกต้องแม่นยำระดับสูง จึงไม่ต้องส่งชิ้นส่วนของโบราณวัตถุไปตรวจสอบอายุในต่างประเทศเหมือนในอดีต ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ยังได้ตั้งเป้า ทำแผนข้อมูลโบราณวัตถุของประเทศชาติ ในหลาย ๆ รูปแบบ เช่น พระพุทธรูปสำริด เครื่องทองโบราณ เครื่องปั้นดินเผา

ซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลของโบราณวัตถุสำคัญของประเทศ ร่วมทั้งการพัฒนาใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์ในการอนุรักษ์โบราณวัตถุในเสื่อมสภาพช้าลง ทั้งนี้ตัวอย่างผลงานที่ สทน. และกรมศิลปากร ร่วมกันวิจัยพัฒนา เช่นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกันวิเคราะห์ทองคำโบราณจากกรุวัดราชบูรณะ และวัดมหาธาตุ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลทองคำโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ จัดทำข้อมูลนำเสนอไว้ในพิพิธภัณฑ์ทองหลังใหม่ของพิพิธภัณฑ์ฯ เจ้าสามพระยา เป็นข้อมูลให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศได้อย่างถูกต้อง .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ