กมธ.ทหาร จัดเสวนาข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา

รัฐสภา 5 ก.ค.-กมธ.ทหาร จัดเสวนาข้อพิพาท ไทย-กัมพูชา บอกปัญหาสองประเทศยังไม่ทราบสาเหตุคืออะไร จนมีคลิปเสียงความอับอายระดับชาติออกมา สะท้อนไทยไร้เดียงสาทางการเทือง มองมาตรการชายแดนไม่สอดคล้อง ทำประชาชนเดือดร้อน ระบุการปักปันเขตแดนต้องใช้วิธีเจรจา พร้อมดึงนานาชาติร่วมมือกดดันแบล็กลิสต์ แฉเจ้าของบริษัทฟอกเงินรายใหญ่เอี่ยว “ฮุนเซน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมาธิการการทหาร จัดสัมมนาภายใต้หัวข้อ “การใช้กลไกการปราบปรามการฟอกเงิน ในการแก้ไขปัญหาความมั่นคง : กรณีศึกษา ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา“ โดยมี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ นายชยพล สท้อนดี โฆษกกรรมาธิการฯ พันตำรวจเอก สีหนาท ประยูรรัตน์ อดีตเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. และ นายสุภลักษณ์ กาญจนขุนดี นักวิชาการอิสระ เป็นวิทยากร


นายวิโรจน์ กล่าวเปิดการสัมมนาเกี่ยวกับการปราบปรามการฟอกเงิน ว่าปัจจุบันการโอนเงินสามารถทำได้ผ่านโมบายแบงกิ้งค์หมดแล้ว แต่สาเหตุที่สมัยก่อนเราต้องการกดดันให้มีการเปิด-ปิดด่าน เนื่องจากเราทราบว่าผู้มีอิทธิพลอีกฝั่งได้รับผลประโยชน์จากการขนถ่ายสินค้าหนีภาษี ฉะนั้นวันนี้เราไม่จำเป็นต้องทำมาตรการเผาบ้าน เพื่อจับหนูตัวเดียวอีกแล้ว เพราะเรามีเลเซอร์ที่ยิงปุ๊บหนูตายปั๊บ จึงไม่ต้องทำแบบนั้น

จากนั้น พันตำรวจเอก สีหนาท ได้บรรยายถึงอาชญากรรมรูปแบบใหม่ ว่าคือการขึ้นบัญชีดำ ซึ่งถ้าประเทศใดอนุญาตให้กลุ่มมิจฉาชีพ หรือ ไม่มีมาตรการป้องกันปราบปรามที่เข้มแข็งก็จะถูกโลกล้อมประเทศนั้น ส่งผลให้การทำธุรกรรมลำบากและจะกลายเป็นระเบิดทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีการกำหนดค่าประเทศที่มีความเสี่ยงสูงไว้ 3 ประเทศ ประกอบด้วย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และกัมพูชา ที่ห้ามทำธุรกรรมการเงิน โดยหากทำจะถูกอายัด หรือ ยึดทรัพย์สินได้


พร้อมกล่าวต่อว่า กัมพูชาก็เคยถูกขึ้นบัญชีจนพ้นจากบัญชีเทาในปี 2023 ซึ่งตนก็เคยเข้าไปช่วยเหลือกัมพูชา ดังนั้นตนเชื่อมั่นว่าถ้าหน่วยงานของไทยและประเทศต่างๆ ที่ต้องการปราบปรามการกระทำผิดที่ใช้ประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นศูนย์กลางร่วมมือกันจะสามารถปราบปรามได้ เพราะถ้าไม่ได้รับความร่วมมือก็จะถูกแบล็คลิสต์ และมีผลกระทบต่อไทยอย่างรุนแรง

ด้าน นายสุภลักษณ์ ระบุว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะใช้มาตรการทางทหารตอบโต้ระหว่างกัน เพราะจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งตนก็มีบ้านอยู่เขาพระวิหาร จ.ศรีษะเกษ เห็นว่าเหตุการณ์เมื่อปี 2554 มีการปะทะกัน ทำให้เพื่อนบ้านตนเสียชีวิต 1 คน อย่างไรก็ตาม ผ่านไปแล้ว 10 ปี ตนก็ยังไม่ได้คำตอบว่าเสียชีวิตไปทำไม เราได้ปราสาทพระวิหารมาหรือไม่ สูญเสียทั้งความสัมพันธ์ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน เพื่อแลกกับคำว่าอำนาจอธิปไตยและความรักชาติ

ขณะที่ เหตุการณ์ที่ช่องบก เรื่อง 3 ปราสาทตามแนวชายแดน และการปรับเวลาเปิด-ปิดด่าน ก็ทำให้เกิดการปลุกกระแสต่อประชาชนทั้งสองประเทศ ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่แล้วถามเจ้าหน้าที่ว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ก็ทำให้กัมพูชาจับจุดได้ว่าไทยมีปัญหาจนนำไปสู่ปัญหาปมคลิปเสียง ซึ่งสร้างความน่าอับอายระดับชาติ เพราะแสดงให้เห็นถึงความไร้เดียงสาทางการเมืองของฝ่ายไทย จากนั้นรัฐบาลจึงได้ให้อำนาจกับกองทัพในการซีลชายแดนตลอดแนว ทั้งที่เกิดเหตุที่ จ.อุบลราชธานี และนำไปสู่การปิดด่าน ซึ่งจนถึงขณะนี้ตนก็ยังไม่เข้าใจว่า ตกลงเราทะเลาะกับกัมพูชาเรื่องอะไร เป็นเพราะว่าวาทกรรมหรือคำอธิบายที่ไม่ชัดเจนไม่สอดคล้องสะเปะสะปะใช่หรือไม่ ในขณะที่ทหารบอกว่าควบคุมชายแดนอย่างเข้มข้นเป็นมาตรการทางยุทธวิธี เพื่อกดดันฝ่ายตรงข้ามที่มีการปรับกำลังตามแนวชายแดน รวมถึงกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ก็ยังไม่มีมาตรการที่สอดคล้องกับเป้าหมาย ทำให้ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนได้รับความเดือดร้อน เพราะไทยค้าขายกับกัมพูชามีมูลค่า 3 แสนล้านต่อปี เฉพาะชายแดน 60% คิดเป็นมูลค่า 1.7 แสนล้านบาท จึงมองว่ามาตรการของไทยเป็นการเหวี่ยงแหแบบซุ่มซ่าม แทนที่จะปรับตัวกับภัยคุกคาม อยากให้ตรวจสอบว่าอธิปไตยของไทยมีอยู่จริงหรือไม่


เช่นเดียวกับปัญหาการปักปันเขตแดนก็ใช้วิธีทางทหารไม่ได้ ต้องใช้วิธีการเจรจาผ่านกลไกคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี ฉะนั้นการแก้ไขปัญหาเราควรใช้สไนเปอร์ยิง เพราะแม่นยำและชัดเจนกว่าในการชี้เป้าว่ากัมพูชามี Huione group Cambodia ซึ่งเป็นบริษัทฟอกเงินที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงพนมเปญ และถูกกระทรวงการคลังของสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ ว่ามีการฟอกเงินมากถึง 4 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้งยังมีเงินต้องสงสัยกว่า 37 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังเชื่อมโยงกับการขายข้อมูลส่วนบุคคลขนาดใหญ่ แฮกข้อมูลไปที่เกาหลีเหนือ และที่สำคัญเจ้าของบริษัทก็เป็นที่ปรึกษาสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาด้วย ดังนั้นถ้าสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลกัมพูชาในเวทีนานาชาติก็จะทำให้กระทบกับเศรษฐกิจของตระกูลสมเด็จฮุนเซน

ส่วนมาตรการของไทยในการไม่ขายสินค้าให้กัมพูชาก็ไม่ได้ผล เพราะไม่กระทบกัมพูชา จึงขอเสนอว่าหากประเทศไทยจะออกมาตรการรับมือกับกัมพูชาต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการบ้านและหาข้อมูลว่ามีธุรกรรมใดๆที่เกี่ยวกับคอลเซ็นเตอร์ของกัมพูชาผ่านเข้ามาในประเทศไทยบ้างหรือไม่ เสร็จแล้วก็ค่อยหาแนวทางปฏิบัติต่อ เพราะบริษัท Huione group Cambodia ถือเป็นผู้ร้ายเบอร์หนึ่งของโลกและในเอเชียปัจจุบัน

นายสุภลักษณ์ ยืนยันว่าที่พูดมาทั้งหมดนี้ ตนมีเจตนาบริสุทธิ์ เพื่อยกระดับมาตรฐานกฎหมายไทยและกัมพูชาตามหลักสากล เพื่อประโยชน์สุขของทั้งสองประเทศ ประเทศอื่นๆในภูมิภาค รวมทั้งชาวโลก เพื่อที่ประชาชนทุกคนจะได้ไม่ต้องกังวลว่าทรัพย์สินของเราจะถูกดูดเข้าไป หรือ ถูกใครหลอก.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]