ครอบครัวเปเล่ เผยติดเชื้อเพราะโควิด อาการยังดีอยู่

เซาเปาลู 5 ธ.ค.- บุตรสาวและหลานชายของเปเล่ ตำนานฟุตบอลของบราซิลเผยว่า เปเล่เข้าโรงพยาบาลรักษาอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่ทรุดลงเพราะการติดโรคโควิด-19 และขณะนี้อาการยังดีอยู่ ไม่เสี่ยงจากไปในเวลาอันใกล้ บุตรสาว 2 คน และหลานชายคนหนึ่งของเปเล่ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ทีวี โกลโบของบราซิลที่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า เปเล่วัย 82 ปี จะออกจากโรงพยาบาลอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในนครเซาเปาลูได้ทันทีที่หายดีจากการติดเชื้อที่ปอด ครอบครัวและโรงพยาบาลยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่อใด แต่เขาจะยังไม่จากไปในเวลานี้ และรับการรักษาอยู่ในห้องพักผู้ป่วยปกติ ไม่ใช่หอผู้ป่วยวิกฤต ตามที่มีข่าวลือว่าเขาใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตและกำลังรับการดูแลแบบประคับประคอง โรงพยาบาลแถลงเมื่อวันเสาร์ว่า เปเล่ตอบสนองดีต่อการรักษาอาการติดเชื้อ และสุขภาพไม่ได้ทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมง แต่ไม่ได้แถลงความคืบหน้าเมื่อวันอาทิตย์ เปเล่ซึ่งมีชื่อจริงว่า เอดซง อารังชีส ดู นาซีเมงตู ผ่าตัดเนื้องอกลำไส้ในเดือนกันยายน 2564 บุตรสาวเผยว่า บิดายังไม่หายขาดจากมะเร็งลำไส้และอยู่ระหว่างรับเคมีบำบัด ขณะที่หลานชายเผยว่า คุณปู่ซาบซึ้งใจกับกำลังใจที่ส่งมาจากทั่วโลก และจะรอดูบราซิลเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่ 6 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ หลังจากที่เคยนำทัพทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้วในปี 2501, 2505 และ 2513.-สำนักข่าวไทย

จับหญิงปิดเครื่องช่วยหายใจคนไข้ร่วมห้องที่ รพ. ในเยอรมนี

เบอร์ลิน 2 ธ.ค. – ตำรวจเยอรมนีจับกุมคนไข้หญิง วัย 72 ปี ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเยอรมนี ในข้อหาพยายามฆ่าคนตาย หลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุปิดเครื่องช่วยหายใจของผู้ป่วยร่วมห้องถึง 2 ครั้ง เพราะรำคาญเสียงที่ดังมาจากเครื่องช่วยหายใจ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานว่า ตำรวจเยอรมนีได้จับกุมคนไข้หญิงคนดังกล่าวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองมานน์ไฮม์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี เมื่อช่วงเย็นวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ในข้อหาพยายามฆ่าคนตาย หลังจากที่หญิงรายนี้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุปิดเครื่องช่วยหายใจของผู้ป่วยร่วมห้องถึง 2 ครั้ง เพราะรำคาญเสียงที่ดังมาจากเครื่องช่วยหายใจ ตำรวจและอัยการของเยอรมนีระบุว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ถูกกล่าวหาว่าแอบปิดเครื่องช่วยหายใจของผู้ป่วยหญิงอีกคนที่เป็นคนไข้ร่วมห้อง แม้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้เตือนเธอแล้วว่าผู้ป่วยหญิงร่วมห้องของเธอจำเป็นต้องสวมเครื่องช่วยหายใจ แต่ผู้ต้องสงสัยรายนี้ก็ยังแอบปิดเครื่องช่วยหายใจอีกครั้งในช่วงเย็นวันอังคาร เหตุดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลต้องปฏิบัติการกู้ชีพผู้ป่วยร่วมห้องจนกระทั่งมีอาการพ้นขีดอันตราย แต่ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในห้องดูแลผู้ป่วยหนัก ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวได้ถูกนำตัวขึ้นศาลเมื่อวันพุธ และถูกส่งตัวไปคุมขังในเรือนจำแล้ว. -สำนักข่าวไทย

สมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่นตรวจต่อมลูกหมากโต

โตเกียว 28 พ.ย.- สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะของญี่ปุ่นเสด็จออกจากโรงพยาบาลในกรุงโตเกียวแล้วในวันนี้ หลังจากทรงรับการถวายการตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากโต เว็บไซต์สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังญี่ปุ่นว่า จะประกาศผลการตรวจในภายหลัง สมเด็จพระจักรพรรดิ พระชนมพรรษา 62 พรรษา ทรงมีค่าพีเอสเอ (PSA) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผลิตจากเซลล์ต่อมลูกหมากสูงกว่าปกติเล็กน้อย ผลการตรวจแบบเอ็มอาร์ไอ (MRI) เมื่อต้นเดือนนี้ยืนยันว่า ทรงมีพระอาการต่อมลูกหมากโต สำนักพระราชวังเคยแถลงก่อนหน้านี้ว่า แม้ผลการตรวจไม่พบสิ่งน่ากังวลเป็นพิเศษ แต่พระองค์จะทรงรับการตรวจเพิ่มเติม.-สำนักข่าวไทย

จับได้แล้วนักโทษหนี รพ.ในขอนแก่น พบหลบอยู่ในซากรถเก่า

จับได้แล้วนักโทษชายคดียาเสพติด หลบหนีทั้งโซ่ตรวนขณะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล พบซ่อนตัวในโกดังร้างใกล้โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่คุมตัวกลับเข้าเรือนจำทันที

เผย รมว.ต่างประเทศรัสเซียเข้า รพ.หลังมาถึงบาหลี

นูซา ดัว 14 พ.ย.- เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเผยว่า นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังจากเดินทางมาถึงเกาะบาหลีในวันนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือจี 20 (G20) ด้านเจ้าหน้าที่รัสเซียปฏิเสธว่าเป็นข่าวเท็จ สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินโดนีเซียและเจ้าหน้าที่แพทย์ที่ขอสงวนนามว่า นายลาฟรอฟ วัย 72 ปี ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลซังลาห์ในเมืองเดนปาซาร์ที่เป็นเมืองเอกของจังหวัดบาหลี เนื่องจากมีอาการเกี่ยวกับหัวใจ นายลาฟรอฟเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของรัสเซียที่มาร่วมการประชุมสุดยอดจี 20 ที่จะเปิดฉากในวันอังคารที่ 15 พฤศจิกายนนี้ โฆษกกระทรวงต่างประเทศรัสเซียปฏิเสธว่า รายงานข่าวดังกล่าวเป็นที่สุดของเรื่องเท็จ รัฐมนตรีต่างประเทศและเธอกำลังอ่านข่าวนี้และแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ต่อมานายลาฟรอฟได้กล่าวต่อหน้ากล้องโดยสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น ปฏิเสธข่าวเข้าโรงพยาบาล และเตือนผู้สื่อข่าวตะวันตกว่าควรรายงานแต่เรื่องจริงเท่านั้น เขากล่าวว่า ผู้สื่อข่าวเหล่านี้รายงานข่าวมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วเรื่องประธานาธิบดีรัสเซียป่วย เกมแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในแวดวงการเมือง.-สำนักข่าวไทย

ยูกันดาเจออีโบลาในเมืองหลวงอีก

กัมปาลา 23 ต.ค.- กระทรวงสาธารณสุขยูกันดาแจ้งว่า พบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสอีโบลารายใหม่อีก 2 ราย ในหน่วยแยกกักโรคของโรงพยาบาลใหญ่ในกรุงกัมปาลา ทำให้เมืองหลวงแห่งนี้พบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วในขณะนี้ 5 ราย กระทรวงสาธารณสุขยูกันดาซึ่งเป็นประเทศในแอฟริกาตะวันออกแถลงวันนี้ว่า ผู้ป่วย 3 รายจากทั้งหมด 60 รายที่ถูกแยกกักโรคในโรงพยาบาลมูลาโกของกรุงปัมปาลามีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวกเมื่อวันก่อน ทั้ง 3 คนใกล้ชิดกับผู้ป่วยคนหนึ่งที่เสียชีวิตในโรงพยาบาลเดียวกัน ส่วนเมื่อวานนี้พบผู้ป่วยที่ถูกแยกกักโรคอีก 2 คนที่เกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตรายนี้มีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก ทั้งคู่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป 41 กิโลเมตร กรุงกัมปาลาพบผู้ป่วยอีโบลาที่ได้รับการยืนยัน 5 ราย หลังจากกระทรวงสารสนเทศประกาศได้ไม่กี่วันว่า ยูกันดาใกล้จะควบคุมการระบาดของอีโบลาได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่าการระบาดจะสิ้นสุดภายในสิ้นปีนี้ รัฐบาลยูกันดาใช้มาตรการล็อกดาวน์นาน 3 สัปดาห์รอบพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศที่เป็นศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาสายพันธุ์ซูดาน และแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 65 คน เสียชีวิต 27 คน แต่ยังไม่แน่ชัดว่ารวมผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 รายหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

“โตโน่” ทำสำเร็จ ว่ายน้ำข้ามโขง ระดมเงินบริจาคช่วย รพ.นครพนม-สปป ลาว

ทำสำเร็จ “โตโน่” ว่ายน้ำข้ามโขง รวม 15 กิโลเมตร ระดมเงินบริจาคช่วยโรงพยาบาลนครพนมและ สปป ลาว

มดเป็นรังขึ้นเต็มตัวคุณตานอนรักษาตัว รพ.โร่ขอโทษ เตรียมเยียวยา 3 แสน

ญาติผู้ป่วยโพสต์คลิปมดแดงเป็นรัง รุมไต่ตามตัวคุณตาที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่พยาบาลบอกให้ญาติจัดการเอง ขณะที่โรงพยาบาลได้ขอโทษ เตรียมมอบเงินเยียวยา 300,000 บาท

แคนาดาขาดแคลนพยาบาลอย่างรุนแรง

ออตตาวา 11 ต.ค.- แคนาดากำลังเผชิญภาวะขาดแคลนพยาบาลอย่างรุนแรง ทำให้โรงพยาบาลทั่วประเทศมีคนไข้ล้นห้องฉุกเฉิน บางแห่งถึงขั้นต้องปิดให้บริการห้องฉุกเฉิน เพิ่มแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุขระดับประเทศที่ตึงตัวอยู่แล้ว เอเอฟพีระบุว่า ความเหนื่อยล้าจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 การถูกคนไข้กดดัน และความไม่พอใจเรื่องเงินเดือนทำให้พยาบาลตบเท้าลาออกจากงานจนเกิดภาวะขาดแคลน ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลหลายแห่งต้องปิดให้บริการเป็นวัน เป็นสัปดาห์ หรือมากกว่านั้น คนไข้ใช้เวลา 12-20 ชั่วโมงในการรอแพทย์ห้องฉุกเฉิน หลายคนไม่พอใจและระบายอารมณ์ถึงขั้นลงไม้ลงมือกับพยาบาลที่มีงานล้นมืออยู่แล้ว แม้แต่ในกรุงออตตาวาที่เป็นเมืองหลวง ตำรวจต้องขับรถส่งคนเจ็บถูกยิงไปโรงพยาบาลเอง เพราะนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์รอส่งคนไข้เข้าห้องฉุกเฉินที่เต็มจนล้น จึงไม่สามารถขับรถพยาบาลออกไปรับคนไข้ได้ เหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นมากกว่า 1,000 ครั้งในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ผลสำรวจของสหภาพลูกจ้างภาครัฐแคนาดา ซึ่งเป็นสหภาพใหญ่ที่สุดของประเทศพบว่า พยาบาลร้อยละ 87 คิดเรื่องลาออกเพราะสภาพการทำงานที่คนไม่เห็นคุณค่าและเหนื่อยแสนสาหัส กระทรวงสาธารณสุขแคนาดาเคยประกาศว่า จะเปิดทางให้แพทย์และพยาบาลที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศประมาณ 11,000 คนสามารถทำงานในประเทศได้ แต่เอเอฟพีระบุว่า คงไม่เพียงพอเพราะขณะนี้มีตำแหน่งพยาบาลว่างถึง 34,400 ตำแหน่ง.-สำนักข่าวไทย

“มหาเธร์” ออกจากโรงพยาบาลแล้วหลังติดโควิด

กัวลาลัมเปอร์ 4 ก.ย.- สำนักงานของ นพ.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียแจ้งว่า มหาเธร์ออกจากโรงพยาบาลแล้วในวันนี้ หลังจากรับการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคนา 2019 หรือโควิด-19 แถลงการณ์ของสำนักงานระบุว่า มหาเธร์วัย 97 ปี เข้าสถาบันโรคหัวใจแห่งชาติเมื่อวันพุธ เนื่องจากมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก และหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้วจะกักตัวที่บ้านพักจนถึงวันอังคารนี้ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่รัฐบาลมาเลเซียเผยว่า มหาเธร์รับวัคซีนโควิดแล้ว 3 เข็ม เข็มสุดท้ายฉีดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 มหาเธร์รับการผ่าตัดแบบไม่เร่งด่วนที่สถาบันโรคหัวใจแห่งชาติเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ และเข้ารับการรักษาอีกครั้งในเดือนเดียวกัน สถาบันฯ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเรื่องการรักษา เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของประเทศเป็นเวลาติดต่อกันถึง 22 ปี ตั้งแต่ปี 2524-2546 จากนั้นกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ในวัย 92 ปี ด้วยการนำพันธมิตรฝ่ายค้านชนะเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในปี 2561 แต่เกิดการแย่งชิงอำนาจภายในรัฐบาล ทำให้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในปี 2563.-สำนักข่าวไทย

รมว. หญิงโปรตุเกสลาออกจากเหตุสั่งปิดบริการสูติฉุกเฉิน

ลิสบอน 30 ส.ค.- นางมาร์ตา เตมิโด รัฐมนตรีสาธารณสุขของโปรตุเกสลาออกในวันนี้ หลังจากถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องสั่งปิดบริการฉุกเฉินด้านสูติกรรม ทำให้สตรีมีครรภ์เสี่ยงอันตรายจากการถูกส่งตัวระหว่างโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขโปรตุเกสแถลงว่า เตมิโดวัย 48 ปี ตัดสินใจลาออก เพราะตระหนักว่า ตนเองไม่มีคุณสมบัติที่จะปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีต่อไป ด้านนายกรัฐมนตรีอันโตนีโอ กอสตาของโปรตุเกสแถลงว่า อนุมัติการลาออกของเธอแล้ว และขอขอบคุณในสิ่งที่ได้ทำมา รวมถึงความสำเร็จในการรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เตมิโอตัดสินใจลาออกหลังจากมีข่าวได้ไม่กี่ชั่วโมงว่า สตรีมีครรภ์คนหนึ่งเสียชีวิตเมื่อวันเสาร์ เพราะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นในขณะที่รถฉุกเฉินกำลังส่งตัวเธอจากโรงพยาบาลซานตามาเรีย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลหลักในกรุงลิสบอน ไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง เนื่องจากโรงพยาบาลแรกไม่มีเจ้าหน้าที่ให้บริการคลอดบุตร รัฐบาลโปรตุเกสตัดสินใจปิดบริการฉุกเฉินด้านสูติกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสุดสัปดาห์ตามโรงพยาบาลที่มีแพทย์ไม่เพียงพอในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ทำให้พรรคฝ่ายค้านและทางการท้องถิ่นวิจารณ์รัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะนโยบายนี้ทำให้สตรีมีครรภ์ต้องเสี่ยงเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ไกลออกไป.-สำนักข่าวไทย

1 9 10 11 12 13 46
...