วิปรัฐบาลส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความกรณีเสียบบัตรแทนกัน
รัฐสภา 22 ม.ค.- 90 ส.ส.รัฐบาล ยื่นประธานรัฐสภา ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระบวนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 63 หลังเกิดเหตุเสียบบัตรแทนกัน
รัฐสภา 22 ม.ค.- 90 ส.ส.รัฐบาล ยื่นประธานรัฐสภา ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระบวนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 63 หลังเกิดเหตุเสียบบัตรแทนกัน
“ฉลอง เทอดวีระพงศ์” โยน วิปรัฐพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตีความร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63
“เฉลิมชัย” ระบุไม่หนักใจ “นิพิฏฐ์” แฉ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เสียบบัตรแทนกัน เชื่อภูมิใจไทยไม่โมโห ย้ำขอให้รอสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสภาฯ
ชี้ สภาฯ ควรเป็นผู้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
“นิพิฏฐ์” หอบหลักฐานแฉต่อ “นาที” ผ่านด่าน ตม. แล้วยังมีการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 แนะ ภท.เสียสละเพื่อชาติตัดอวัยวะ เพื่อรักษาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 ได้เดินหน้า
พล.อ.ประวิตร เผยไม่มีน้อยใจ กรณีพรรคร่วมรัฐบาล แฉเสียบบัตรแทนกัน ปฏิเสธตอบคำถาม จะมีการพูดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลในประเด็นดังกล่าวหรือไม่
“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” โยนสภาฯดูปมเสียบบัตรแทนกัน ชี้เป็นเรื่องคน 2 คน อาจไม่กระทบถึงร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563
ยิืนยัน ในฐานะหัวหน้าพรรคจะเข้มงวดมากขึ้น
นายกฯ ชี้เป็นหน้าที่ของสภาฯ และศาล ที่จะชี้ขาดว่าพ.ร.บ.งบประมาณ เป็นโมฆะหรือไม่ ยอมรับหากโมฆะ จะมีผลกระทบต่องบลงทุน
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เผยผลสอบข้อเท็จจริง มีเสียบบัตรโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 63 แทน “ฉลอง” จริง ตั้งแต่มาตรา 31-55 แต่ยังจับมือใครดมไม่ได้
ย้ำ เป็น ฝ่ายนิติบัญญัติต้องทำตัวเป็นแบบอย่างของการเคารพกฎหมาย
กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง กรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร บางช่วงของการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 แต่กลับมีองค์ประชุมและลงมติ ว่า ในวันประชุมดังกล่าว ตนเห็นนายฉลองมาร่วมประชุมด้วย แต่ไม่ทราบว่ามีช่วงไหนบางที่นายฉลองไม่อยู่ “เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฏรจะเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก็ต้องว่าไปตามนั้น ต้องไปดูว่าเรื่องมีความเป็นมาอย่างไร ถ้าทำไม่ถูกต้อง ก็ต้องถูกดำเนินการ ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยก็มีประมวลจริยธรรมนักการเมืองอยู่ แต่เรื่องนี้ต้องให้สภาฯ เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเป็นหลัก หากผิดจริง พรรคก็จะดำเนินการต่อไป” .- สำนักข่าวไทย