ไฟไหม้ รพ. รองรับผู้ป่วยโควิดในอิรัก ตายแล้ว 44 ราย

นาชิริยาห์ 13 ก.ค. – เหตุเพลิงไหม้โรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในเมืองนาชิริยาห์ทางตอนใต้ของอิรักที่คาดว่าเกิดจากถังออกซิเจนระเบิด รอยเตอร์รายงานว่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 44 ราย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 67 คน สำนักนายกรัฐมนตรีของอิรักระบุในแถลงการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัลคาเดมี ของอิรัก ได้จัดประชุมด่วนร่วมกับคณะรัฐมนตรีระดับสูง พร้อมทั้งสั่งปลดและจับกุมคณะผู้จัดการด้านสุขภาพและการป้องกันพลเรือนในเมืองนาชิริยาห์ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ผู้จัดการของโรงพยาบาลอัล-ฮุสเซน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 และเป็นสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ก็ถูกสั่งปลดและจับกุมเช่นกัน ในขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงพยาบาลว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังนำศพที่ไหม้เกรียมออกมาจากโรงพยาบาลดังกล่าว ขณะที่ผู้ป่วยจำนวนมากมีอาการไอจากควันไฟที่ลอยคละคลุ้งไปทั่ว ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเมืองนาชิริยาห์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาในโรงพยาบาลอัล-ฮุสเซนต่อไปหลังควบคุมเพลิงไหม้ได้แล้ว แต่กลุ่มควันหนาทึบทำให้ยากต่อการเข้าไปในหอผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้ ส่วนตำรวจอิรักที่ปฏิบัติหน้าที่ตรงจุดเกิดเหตุเผยว่า รายงานเบื้องต้นของตำรวจชี้ว่า สาเหตุของเพลิงไหม้น่าจะเกิดจากถังออกซิเจนระเบิดภายในหอผู้ป่วยโรคโควิด-19 ของโรงพยาบาล ขณะนี้ ระบบการรักษาพยาบาลของอิรักกำลังประสบปัญหาในการรับมือกับสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งทำให้มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.4 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 17,500 คน. -สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้โรงพยาบาลในอิรัก ตายอย่างน้อย 50 ราย

ไฟไหม้รุนแรงหอผู้ป่วยโควิด-19 โรงพยาบาลทางตอนใต้ของอิรัก เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน บาดเจ็บอีกหลายสิบคน จนท.เผยไฟได้ปะทุขึ้นหลังถังออกซิเจนระเบิด

ฟุตซอลไทยคว้าตั๋วชิงแชมป์โลกสมัย 6 รับเงินโบนัส 4.5 ล้าน

ฟุตซอลทีมชาติไทยย้ำแค้นชนะอิรัก ผ่านเข้าชิงแชมป์ฟุตซอลชิงแชมป์โลกสมัยที่ 6 ติดต่อกัน พร้อมรับเงินโบนัส 4.5 ล้านบาท

ฟุตซอลไทยพร้อมดวลอิรัก เย็นนี้

นักเตะโต๊ะเล็กทีมชาติไทยพร้อมดวลอิรัก ศึกฟุตซอลเพลย์ออฟ โซนเอเชีย วันนี้ เวลา 18.00 น. ด้านกัปตันทีม เชื่อว่าทีมจะสามารถเอาชนะได้ เพื่อผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตซอลโลกสมัยที่ 6

โป๊ปฟรานซิสเสด็จถึงเมืองโมซุลในอิรักแล้ว

สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสต์จักรนิกายโรมันคาทอลิก เสด็จถึงเมืองโมซุล ทางตอนเหนือของประเทศอิรัก ซึ่งครั้งหนึ่งเมืองแห่งนี้เคยเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ซึ่งเป็นมุสลิมติดอาวุธที่มีแนวคิดสุดโต่ง ที่พ่ายแพ้ไปเมื่อ 3 ปีก่อน

โป๊ปฟรานซิส-ผู้นำชีอะห์อิรักพบกันครั้งประวัติศาสตร์

นาจาฟ 6 มี.ค.- สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสต์จักรนิกายโรมันคาทอลิก และอยาตอลลาห์ อาลี อัลซิสตานี ผู้นำมุสลิมนิกายชีอะห์ในอิรัก พบกันครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้ที่เมืองนาจาฟ เมืองศักดิ์สิทธิ์ทางใต้ของอิรัก สถานีโทรทัศน์ทางการอิรักแพร่ภาพขบวนรถของสมเด็จพระสันตะปาปาเดินทางเข้าเมืองนาจาฟ มีเด็ก ๆ ตั้งแถวรอริมทาง โบกธงชาติอิรักและธงสำนักวาติกัน โป๊ปพระชนมายุ 84 พรรษา เสด็จไปพบอัลซิสตานี วัย 90 ปีที่บ้านพักในตรอกแคบ ๆ เป็นบ้านที่เขาเช่าอยู่มาหลายสิบปี ทางการอิรักถวายมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดที่สุดในบรรดาการเสด็จเยือนต่างประเทศทั้งหมดของพระองค์ พระองค์เสด็จถึงอิรักเมื่อวันศุกร์ เพื่อทรงขอให้ผู้นำและประชาชนชาวอิรักยุติการใช้กำลังและการแบ่งแยกทางศาสนา พระองค์ทรงอยากให้กำลังใจคริสตชนในอิรักที่เหลือเพียง 300,000 คน คิดเป็น 1 ใน 5 ของที่เคยมีก่อนสหรัฐทำสงครามบุกอิรักในปี 2546 ก่อนหน้านี้โป๊ปจอห์น ปอลที่ 2 ที่สิ้นพระชนม์ในปี 2548 ทรงเคยมีกำหนดเสด็จเยือนอิรักในปี 2543 แต่ต้องยกเลิกไป เพราะไม่สามารถตกลงกับรัฐบาลอิรักสมัยซัดดัม ฮุสเซนได้ ส่วนอัลซิสตานีเป็นบุคคลสำคัญของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ทั้งในอิรักและต่างประเทศ เขามีอิทธิพลทางการเมืองอย่างมาก คำสั่งของเขามีความศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ชาวอิรักออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างเสรีเป็นครั้งแรกในปี 2549 ทำให้ชายชาวอิรักจับอาวุธขึ้นสู้กับกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสในปี 2557 และทำให้ประชาชนเดินขบวนใหญ่ในปี […]

สหรัฐโจมตีทางอากาศฐานกองกำลังที่อิหร่านสนับสนุนในซีเรีย

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ สั่งการให้กองทัพสหรัฐใช้การโจมตีทางอากาศในเขตตะวันออกของซีเรีย ซึ่งสหรัฐระบุว่าเป็นฐานที่มั่นของกองที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เพื่อเป็นการตอบโต้ที่มีการใช้จรวดโจมตีเป้าหมายที่เป็นของสหรัฐในอิรัก

เผย “ไบเดน” เลือก รมว.กลาโหมผิวดำคนแรก

วอชิงตัน 8 ธ.ค. – สื่อสหรัฐเผยว่า นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเลือกนายพลลอยด์ ออสติน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ซึ่งถือเป็นรัฐมนตรีกลาโหมผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐ ซีเอ็นเอ็น โพลิติโค และเดอะนิวยอร์กไทม์รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า นายไบเดนตัดสินใจเลือกนายพลลอยด์ ออสติน อดีตนายพล 4 ดาวเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันวัย 67 ปีที่เคยนำกองทัพอเมริกันบุกอิรักในปี 2546 ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม พลิกโผจากก่อนหน้านี้ที่มีชื่อของนางมิเชล ฟลัวร์นอย อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ท่ามกลางกระแสกดดันให้นายไบเดนเสนอชื่อบุคคลที่มาจากคนกลุ่มน้อยให้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีมากขึ้น โดยนายไบเดนจะประกาศชื่อรัฐมนตรีกลาโหมในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ดี นายพลออสตินต้องผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาก่อนเข้ารับตำแหน่ง และต้องได้รับข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษจากวุฒิสภา เนื่องจากกฎหมายสหรัฐกำหนดให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องเกษียณราชการครบ 7 ปีก่อนจึงจะสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมได้ เป็นไปตามทัศนะที่ว่าตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมควรเป็นพลเรือน หากนายพลออสตินเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม เขาจะต้องรับหน้าที่บริหารกองทหารประจำการราว 1.2 ล้านคน ซึ่งมีเพียงร้อยละ 16 ที่เป็นทหารผิวดำ อย่างไรก็ดี ทหารผิวดำส่วนใหญ่มักมียศในระดับชั้นผู้น้อย และมีส่วนน้อยที่ได้รับการเลื่อนยศในระดับสูง ประเด็นดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้นในปีที่ผ่านมา เมื่อเหล่าพลทหารชายหญิงเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันประกาศตัวสนับสนุนการประท้วงแบล็ก ไลฟ์ส แมทเทอร์ (Black Lives Matter) เพื่อต่อต้านตำรวจที่เหยียดผิวและใช้กำลังเกินกว่าเหตุ นายพลออสตินอาจต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง […]

1 3 4 5 6 7 22
...