ชาวสิงคโปร์ยังสวมหน้ากากอนามัยแม้ยกเลิกคำสั่งในที่ปิด

สิงคโปร์ 29 ส.ค. – ชาวสิงคโปร์จำนวนมากยังคงสวมหน้ากากอนามัยต่อไป แม้สิงคโปร์ยกเลิกคำสั่งบังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่วันนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ใช้คำสั่งดังกล่าวมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานวันนี้ว่า แม้รัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศยกเลิกคำสั่งบังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่จากการสำรวจของเดอะสเตรทไทมส์ในห้างสรรพสินค้าและโรงเรียนทั่วสิงคโปร์พบว่า ประชาชนจำนวนมากยังคงสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด หลายคนให้เหตุผลที่ตัดสินใจสวมหน้ากากอนามัยว่าเป็นเพราะต้องการป้องกันสุขภาพร่างกายของตนเอง และไม่ต้องการติดเชื้อโควิด ซึ่งจะทำให้สมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดต้องตกเป็นกลุ่มเสี่ยง เดอะสเตรทไทมส์ยังได้ลงพื้นที่สำรวจห้างสรรพสินค้าเคลเมนติ มอลล์ (Clementi Mall) เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น และพบว่า มีประชาชนร้อยละ 80 ที่ยังสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้า เช่นเดียวกับประชาชนส่วนใหญ่ในห้างสรรพสินค้าคอมพาสส์ วัน มอลล์ (Compass One Mall) ในย่านเซงกัง ที่ยังคงสวมหน้ากากอนามัย ขณะที่คุณครูชาวสิงคโปร์ประจำโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งระบุว่า เธอต้องปรับตัวอย่างมากในการถอดหน้ากากอนามัยขณะสอนนักเรียน โดยเฉพาะช่วงที่สอนในห้องเรียน และนักเรียนก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เช่น นักเรียนคนหนึ่งที่เธอดูแลอยู่ไม่เคยเห็นหน้าเธอตอนถอดหน้ากากอนามัยมาก่อน แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ถอดหน้ากากได้ เด็กคนนี้จึงใช้เวลาจ้องหน้าเธออยู่นานเพื่อจดจำใบหน้า ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีเมื่อวันที่ 21  สิงหาคมซึ่งจัดขึ้นหลังวันชาติ 9 สิงหาคมว่า เด็กเล็กต้องมีโอกาสได้เห็นสีหน้าของคุณครูและเพื่อน ๆ […]

สิงคโปร์เลิกใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่ 29 ส.ค.

สิงคโปร์ 24 ส.ค.- สิงคโปร์จะยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม นับเป็นประเทศแรกๆ ในเอเชียที่ผ่อนคลายการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด และจะยกเลิกการกักตัวคนเข้าประเทศที่ฉีดวัคซีนไม่ครบ นายลอเรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในฐานะประธานร่วมคณะทำงานเฉพาะกิจรับมือเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงวันนี้ว่า สถานที่ปิดส่วนใหญ่จะไม่บังคับสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม ยกเว้นโรงพยาบาล สถานดูแลและพักฟื้น และรถโดยสารสาธารณะ ขณะที่รถโดยสารส่วนตัว รถนักเรียนและรถแท็กซี่จะไม่บังคับสวมหน้ากากอนามัย ปัจจุบันสิงคโปร์อนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานที่เปิดเท่านั้น อย่างไรก็ดี ขอให้ผู้สูงอายุและผู้ภูมิคุ้มกันบกพร่องสวมหน้ากากอนามัยต่อไปเมื่ออยู่ในสถานที่ปิดที่มีคนหนาแน่นเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ นอกจากนี้นับตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมเป็นต้นไป ผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ไม่ครบโดสจะไม่ต้องกักตัวเป็นเวลา 7 วันอีกต่อไป แต่ต้องมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ 2 วันก่อนเดินทางถึงสิงคโปร์ ส่วนผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วจะเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องตรวจหาเชื้อหรือกักตัว รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เผยด้วยว่า การผ่อนคลายมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโควิดเป็นขั้นตอนสำคัญของสิงคโปร์ในการมีชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัส แต่ขอเตือนว่าการแพร่ระบาดยังไม่สิ้นสุด.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์จะเลิกกฎหมายห้ามชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย

สิงคโปร์ 22 ส.ค. – นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ระบุว่า สิงคโปร์จะยกเลิกกฎหมายห้ามผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย หลังประเด็นดังกล่าวตกเป็นที่โต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนมายาวนานหลายปี นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ประกาศผ่านโทรทัศน์เมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า สิงคโปร์จะยกเลิกกฎหมาย 377A ที่ห้ามผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย เขาเชื่อว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะยอมรับได้ การยกเลิกกฎหมายนี้จะทำให้กลุ่มรักเพศเดียวกันเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้น และทำให้กฎหมายของสิงคโปร์สอดคล้องกับจารีตของสังคมในปัจจุบัน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า นักเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) ในสิงคโปร์ ต่างออกมากล่าวยกย่องการตัดสินใจยกเลิกกฎหมาย 377A ซึ่งใช้มาตั้งแต่เมื่อครั้งตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ว่าเป็น ชัยชนะของมนุษยชาติ ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศอนุรักษ์นิยม ต้องเผชิญกับเสียงเรียกร้องจากประชาชนที่ต้องการให้ยกเลิกกฎหมาย 377A เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาลสิงคโปร์ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศหรือดินแดนล่าสุดในทวีปเอเชียที่ออกมาขับเคลื่อนสิทธิของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ต่อจากอินเดีย ไต้หวัน และไทย แต่สิงคโปร์ยังคงไม่มีกฎหมายรับรองการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน. -สำนักข่าวไทย

โพลล์ชี้แรงงานในสิงคโปร์ 40% ปฏิเสธงานถ้าไม่ได้ WFH

สิงคโปร์ 16 ส.ค. – ผลโพลล์ชี้ว่า แรงงานในสิงคโปร์ราวร้อยละ 40 จะปฏิเสธงาน หากไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจากที่บ้าน หรือนายจ้างไม่อนุญาตให้เข้างานแบบเหลื่อมเวลาทำงานได้ แรนด์สตัด (Randstud) บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ของเนเธอร์แลนด์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นรายครึ่งปีของผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นแรงงานในสิงคโปร์ 1,000 คน อายุ 18-67 ปี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมที่ผ่านมา ผลสำรวจดังกล่าว ซึ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ พบว่า แรงงานในสิงคโปร์ร้อยละ 42 จะปฏิเสธงาน หากนายจ้างไม่อนุญาตให้ทำงานจากที่บ้าน ขณะที่ร้อยละ 52 เล็งเห็นความสำคัญของการทำงานจากที่บ้าน และมีเพียงร้อยละ 52 ที่ระบุว่านายจ้างอนุญาตให้ทำงานจากบ้านได้ นอกจากนี้ ร้อยละ 41 ยังระบุว่า จะปฏิเสธงาน หากนายจ้างไม่อนุญาตให้เข้างานแบบเหลื่อมเวลาทำงาน ผลสำรวจความเห็นของแรนด์สตัดยังพบว่า แรงงานในสิงคโปร์ร้อยละ 80 ให้ความสำคัญกับการเข้างานแบบเหลื่อมเวลาทำงาน แต่มีเพียงร้อยละ 60 ที่ระบุว่าได้รับอนุญาตให้เข้างานแบบเหลื่อมเวลาทำงาน  และมีร้อยละ 27 ที่ลาออกจากงาน เพราะนายจ้างไม่มีนโยบายยืดหยุ่นเรื่องเวลาทำงานและสถานที่ทำงาน ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสิงคโปร์ สภาสหภาพการค้าแห่งชาติสิงคโปร์ และสภาองค์กรนายจ้างแห่งชาติสิงคโปร์ ได้ออกมาสนับสนุนให้นายจ้างปรับใช้แนวทางการทำงานที่ยืดหยุ่นให้แก่ลูกจ้าง […]

เผยอดีตผู้นำศรีลังกาจะเดินทางมาไทยหาที่พักชั่วคราว

สิงคโปร์ 10 ส.ค. – แหล่งข่าวไม่เผยนามระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา จะเดินทางมาประเทศไทยในวันพฤหัสบดี เพื่อหาที่พักชั่วคราวในประเทศไทย หลังพำนักอยู่ในสิงคโปร์มาเป็นระยะเวลาหนึ่งนับตั้งแต่หลบหนีออกจากศรีลังกาในเดือนกรกฎาคมเพราะถูกประชาชนบุกยึดทำเนียบและกดดันให้ออกจากตำแหน่ง สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนาม 2 คนที่ระบุว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาจะเดินทางออกเดินทางจากสิงคโปร์ถึงกรุงเทพมหานครในวันพฤหัสบดี เพื่อหาที่พักชั่วคราวในประเทศไทย หลังถูกประชาชนบุกยึดทำเนียบและกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง จนทำให้เขาต้องหลบหนีออกจากศรีลังกาไปมัลดีฟส์ก่อนออกเดินทางถึงสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม และยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งต่อรัฐสภาศรีลังกา ขณะที่นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ไม่ขอแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีรานิล วิกรมสิงเห ของศรีลังกา กล่าวกับหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐ ในช่วงต้นเดือนนี้ว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่อดีตประธานาธิบดีราชปักษาจะเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากอาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองปะทุขึ้นอีกครั้ง และเขายังไม่ได้รับรายงานว่าอดีตผู้นำศรีลังกาจะเดินทางกลับประเทศในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ นายวิกรมสิงเห ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีศรีลังกาในขณะที่อดีตประธานาธิบดีราชปักษาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ได้รับเลือกจากรัฐสภาศรีลังกาให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ต่อจากอดีตประธานาธิบดีราชปักษา.-สำนักข่าวไทย

เผยตารางเยือนเอเชียของประธานสภาสหรัฐแล้ว

วอชิงตัน 31 ก.ค.- สำนักงานของนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแจ้งว่า นางเปโลซีจะเยือน 4 ประเทศในเอเชีย โดยไม่ได้กล่าวถึงไต้หวันแต่อย่างใด หลังจากเกิดความตึงเครียดเพราะข่าวเรื่องเธออาจเยือนไต้หวันในเดือนสิงหาคม สำนักงานของเธอระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า นางเปโลซีกำลังนำคณะผู้แทนในรัฐสภาสหรัฐเดินทางไปภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งรวมถึงการเยือนสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น การตระเวนเยือนครั้งนี้จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความมั่นคงร่วมกัน ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในภูมิภาคนี้ เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานเมื่อไม่กี่วันก่อนอ้างคนใกล้ชิดว่า นางเปโลซีวัย 82 ปี เตรียมออกเดินทางในวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ เพื่อเยือนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และสิงคโปร์ ทั้งหมดเป็นพันธมิตรของสหรัฐในภูมิภาคนี้ ขณะที่นางเปโลซีเองไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องแผนการเยือนไต้หวันโดยกล่าวเมื่อวันพุธว่า เธอไม่เคยเปิดเผยตารางการเดินทางเพราะจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง.-สำนักข่าวไทย

เผยอดีต ปธน. ศรีลังกาได้ต่อวีซ่าอยู่สิงคโปร์อีก 14 วัน

สิงคโปร์ 27 ก.ค. – สื่อของสิงคโปร์รายงานวันนี้ว่า อดีตประธานาธิบดีโกเตบายา ราชปักษา ของศรีลังกา จะได้รับการต่อวีซ่าให้พำนักอาศัยในสิงคโปร์ได้อีก 14 วัน หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์ ระบุว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษา วัย 73 ปี ได้รับวีซ่าให้พำนักอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ 14 วัน นับตั้งแต่ที่เขาเดินทางถึงสิงคโปร์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมโดยเที่ยวบินของสายการบินซาอุเดียของซาอุดีอาระเบียจากมัลดีฟส์ และเขาจะได้รับการต่อวีซ่าให้พำนักในสิงคโปร์ได้อีก 14 วัน จนถึงวันที่ 11 สิงหาคม สื่อดังกล่าวยังรายงานว่า อดีตผู้นำศรีลังกาได้เดินทางเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองก่อนที่ย้ายไปอยู่ในที่พักส่วนตัวในสิงคโปร์ ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีราชปักษาได้เก็บตัวเงียบและไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะนับตั้งแต่เดินทางถึงสิงคโปร์ รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่โฆษกรัฐบาลศรีลังกาเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาเตรียมเดินทางกลับบ้านเกิด แต่เขาไม่รู้ว่าอดีตผู้นำศรีลังกาจะเดินทางกลับประเทศเมื่อใด พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาไม่ได้หลบซ่อนตัวและไม่ได้ถูกสั่งเนรเทศออกนอกประเทศแต่อย่างใด ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐ รายงานอ้างคำพูดเจ้าหน้าที่รัฐบาลศรีลังที่ไม่เผยนามว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาต้องการเดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุด และอยากกลับไปใช้ชีวิตในบ้านพักส่วนตัวที่ย่านชานเมืองกรุงโคลัมโบของศรีลังกา ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีราชปักษาได้หลบหนีออกนอกศรีลังกาไปมัลดีฟส์ก่อนออกเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ หลังถูกกลุ่มผู้ประท้วงบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อกดดันให้เขาลาออกจากตำแหน่งท่ามกลางปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อจนส่งผลให้ราคาสินค้าจำเป็นพุ่งสูงขึ้น เช่น อาหารและน้ำมันเชื้อเพลิง.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่มอีก 2 คน

สิงคโปร์ 25 ก.ค. – สิงคโปร์พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายใหม่เพิ่มอีก 2 คนเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 7 และ 8 ของสิงคโปร์ กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์เผยว่า พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายใหม่อีก 2 คน เป็นชายชาวเอสโตเนีย วัย 46 ปี และชายสิงคโปร์ วัย 26 ปี ทำให้สิงคโปร์พบผู้ป่วยฝีดาษลิงทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศ 4 คน และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน โดยที่ผู้ป่วยทั้งหมดไม่มีความเชื่อมโยงกัน ทั้งยังระบุว่า ชายเอสโตเนียได้เดินทางจากกรุงลอนดอนของอังกฤษมายังสิงคโปร์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม และมีผลตรวจติดเชื้อฝีดาษลิงในวันที่ 24 กรกฎาคม เนื่องจากมีผื่นขึ้นบริเวณขาหนีบ มีไข้ และต่อมน้ำเหลืองบวม ส่วนชายสิงคโปร์ ซึ่งมีผื่นบริเวณขาหนีบและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มีผลตรวจติดเชื้อฝีดาษลิงในวันอาทิตย์เช่นกัน เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้ป่วยทั้งสองคนเข้ารับการรักษาที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติแล้ว โดยที่ผู้ป่วยทั้งสองมีอาการคงที่ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ยังได้ส่งแถลงการณ์ถึงหนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์เกี่ยวกับการใช้มาตรการในประเทศหรือข้อจำกัดพรมแดน หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า สิงคโปร์ได้ใช้มาตรการควบคุมโรคฝีดาษลิงตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว และระบบสาธารณสุขของสิงคโปร์ยังคงมีขีดความสามารถสูงในการตรวจหาเชื้อ […]

ร้องสิงคโปร์จับอดีต ปธน.ศรีลังกา ก่ออาชญากรรมสงคราม

กลุ่มสิทธิมนุษยชนยื่นคำร้องอาญาต่ออัยการใหญ่สิงคโปร์ให้จับกุมนายโกตาบายา ราชปักษา อดีตประธานาธิบดีศรีลังกาข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามในช่วงที่ศรีลังกาเกิดสงครามกลางเมือง

ปธน.ศรีลังกาส่งจดหมายลาออกหลังเดินทางถึงสิงคโปร์

ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา ส่งจดหมายลาออกถึงประธานรัฐสภาแล้วเมื่อวานนี้ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เขาเดินทางถึงสิงคโปร์ ภายหลังจากที่เกิดการประท้วงต่อเนื่องในประเทศที่ต้องการให้เขาลาออก เนื่องจากบริหารงานผิดพลาดจนทำให้เศรษฐกิจศรีลังกาตกอยู่ในภาวะวิกฤตอย่างรุนแรง

ปธน.ศรีลังกา ออกจากมัลดีฟส์มุ่งหน้าไปยังสิงคโปร์แล้ว

ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา ออกเดินทางจากมัลดีฟส์และมุ่งหน้าไปยังสิงคโปร์แล้วในวันนี้ คาดว่าเขาจะพักอยู่ที่สิงคโปร์ระยะหนึ่ง โดยยังไม่มีการเปิดเผยว่าเขาจะเดินทางต่อไปยังประเทศใด

สิงคโปร์พบผู้ป่วยฝีดาษวานรรายแรกในประเทศ

สิงคโปร์ 7 ก.ค. – กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ยืนยันพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรรายแรกในประเทศเป็นชายสัญชาติมาเลเซียที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุในแถลงการณ์ว่า ชายมาเลเซีย วัย 45 ปี ที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ มีผลตรวจหาเชื้อฝีดาษวานรเป็นบวกเมื่อวันพุธ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรรายแรกในประเทศสิงคโปร์ ขณะนี้ ชายคนดังกล่าวเข้ารับการรักษาที่ศูนย์โรคติดเชื้อแห่งชาติและมีอาการคงที่ อย่างไรก็ดี กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ไม่พบว่า ชายมาเลเซียมีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรที่เดินทางจากต่างประเทศมายังสิงคโปร์ที่กระทรวงฯ เคยรายงานไว้เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุว่า ผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรรายนี้เริ่มปรากฏรอยโรคบนผิวหนังบริเวณท้องเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน รวมถึงมีอาการอ่อนเพลียและต่อมน้ำเหลืองบวมในวันที่ 2 กรกฎาคม จากนั้น เขาก็มีไข้สูงและเจ็บคอเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมจนต้องไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยอาการ ทั้งยังระบุว่า ขณะนี้มีผู้ที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับชายคนดังกล่าว 3 คนนับถึงวันพุธ โดยทั้งหมดได้แยกกักตัวเพื่อรอดูอาการเป็นเวลา 21 วันนับตั้งแต่ที่มีประวัติสัมผัสครั้งสุดท้ายกับผู้ป่วย ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์จะยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์ระบาดของโรคฝีดาษวานรอย่างใกล้ชิดและเตรียมมาตรการเพื่อรับมือกับการระบาดต่อไป.-สำนักข่าวไทย

1 10 11 12 13 14 66
...