สิงคโปร์ 28 ก.ย. – ตำรวจสิงคโปร์จับกุมผู้โดยสารชาย วัย 37 ปี บนเที่ยวบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ หลังเขาอ้างว่าตนเองมีระเบิดอยู่ในกระเป๋าเดินทางที่ถือขึ้นเครื่องและทำร้ายพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
กองทัพอากาศสิงคโปร์เผยวันนี้ว่า กองทัพฯ ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ 2 ลำขึ้นไปบินคุ้มกันเครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ในเที่ยวบิน SQ33 ที่ออกเดินทางจากเมืองซานฟรานซิสโกในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ เวลา 22.26 น. ของวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐ ก่อนเดินทางถึงท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์เมื่อเวลา 05.50 น. ของวันนี้ตามเวลาในสิงคโปร์ พร้อมผู้โดยสาร 209 คน และลูกเรือ 17 คน
ด้านตำรวจสิงคโปร์ระบุว่า ได้รับแจ้งเหตุขู่วางระเบิดบนเที่ยวบินดังกล่าวเมื่อเวลา 02.40 น. ของวันนี้ตามเวลาในสิงคโปร์ ผลการสืบสวนในเบื้องต้นพบว่า ผู้โดยสารชาย วัย 37 ปี ได้อ้างว่าตนเองมีระเบิดอยู่ในกระเป๋าเดินทางที่ถือขึ้นเครื่อง และได้ก่อเหตุทำร้ายพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ก่อนถูกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจับมัดมือ และถูกตำรวจจับกุมหลังเครื่องบินเดินทางถึงสิงคโปร์ในความผิดฐานละเมิดข้อบังคับด้านการต่อต้านการก่อการร้ายของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น และตกเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหาใช้ยาที่ต้องได้รับการควบคุม ส่วนหนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทม์สของสิงคโปร์ระบุว่า ชายคนดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ
โฆษกของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ระบุในแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องบินลำดังกล่าวพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือไปจอดในพื้นที่ห่างไกลจากอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานชางงีเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย คณะเจ้าหน้าที่จากฝ่ายป้องกันสารเคมี ชีวภาพ รังสี และวัตถุระเบิด ของกองทัพสิงคโปร์ และตำรวจสนามบินได้ขึ้นไปบนเครื่องบินเพื่อตรวจสอบหาวัตถุระเบิดตามข้อกล่าวอ้างของชายคนดังกล่าว แต่ไม่พบวัตถุระเบิด และได้จับกุมชายคนนี้ในทันที ก่อนนำเครื่องบินไปจอดที่อาคารผู้โดยสาร ทั้งยังระบุว่า สายการบินฯ ขออภัยต่อผู้โดยสารทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่ทำให้เที่ยวบินล่าช้า และจะเร่งช่วยเหลือผู้โดยสารในด้านการจองตั๋วใหม่ในกลุ่มผู้โดยสารที่ตกเครื่องในเที่ยวบินถัดไปหลังเดินทางถึงสิงคโปร์. -สำนักข่าวไทย