สิงคโปร์จะฉีดวัคซีนโควิด 2 สายพันธุ์ให้ประชาชนวงกว้างปีหน้า

สิงคโปร์ 20 ต.ค. – สิงคโปร์จะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบ 2 สายพันธุ์เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชนอายุ 18-49 ปีในปีหน้า ในขณะที่ชาวสิงคโปร์อายุ 50 ปีขึ้นไปสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าวได้แล้วในขณะนี้ นายออง ยี คัง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ กล่าวในที่ประชุมรัฐสภาสิงคโปร์วันนี้ว่า ชาวสิงคโปร์อายุ 18-49 ปีจะสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 สายพันธุ์เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นได้ในปีหน้า หลังจากที่สิงคโปร์ได้รับการส่งมอบวัคซีนดังกล่าวมากขึ้น ขณะที่ชาวสิงคโปร์อายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิดและมีอาการป่วยรุนแรง สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนดังกล่าวได้แล้วในตอนนี้ สิงคโปร์ได้เปิดให้ประชาชนอายุ 50 ปีขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 2 สายพันธุ์ของโมเดอร์นา หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘สไปก์แวกซ์’ (Spikevax) ซึ่งมีประสิทธิภาพต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมและสายพันธุ์โอไมครอน ได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม และคาดว่าจะได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 2 สายพันธุ์ของไฟเซอร์-ไบออนเทค หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘โคเมอร์เนตี’ (Comirnaty) ภายในสิ้นปีนี้ ขณะนี้ สิงคโปร์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2.03 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 1,650 คน.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์เรียกคืนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของอินโดฯ อีก 2 รายการ

สิงคโปร์ 11 ต.ค. – สิงคโปร์สั่งเรียกคืนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ ‘หมี่ซีดาพ’ (Mie Sedaap) ของอินโดนีเซียเพิ่มอีก 2 รายการ เนื่องจากพบสารฆ่าแมลงปนเปื้อน ทำให้มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อดังกล่าวถูกสั่งห้ามขายในสิงคโปร์รวมทั้งหมด 6 รายการ สำนักงานควบคุมอาหารของสิงคโปร์ (SFA) เผยวันนี้ว่า ได้สั่งเรียกคืนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อ ‘หมี่ซีดาพ’ เพิ่มอีก 2 รายการ ได้แก่ หมี่ซีดาพ คารี สเปเชียล อินสแตนท์ คัพ นูเดิลส์ (Mie Sedaap’s Kari Spesial Instant Cup Noodles) และ หมี่ซีดาพ โคเรียน สไปซี ชิกเกน อินสแตนท์ คัพ นูเดิลส์ (Mie Sedaap’s Korean Spicy Chicken Instant Cup Noodles) เนื่องจากพบสารฆ่าแมลงปนเปื้อน โดยสั่งการโดยตรงไปยังร้านอินโดสต็อป […]

ผู้นำฟิลิปปินส์ตกเป็นประเด็นหลังย่องดู F1 กรังด์ปรีซ์

สิงคโปร์ 3 ต.ค. – ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ตกเป็นประเด็นถกเถียงหลังปรากฏภาพถ่ายเขาและครอบครัวเดินทางไปเข้าชมการแข่งขันฟอร์มูลา วัน กรังด์ปรีซ์ ในห้องพิเศษเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังพายุไต้ฝุ่นโนรูเพิ่งพัดถล่มหลายพื้นที่ของฟิลิปปินส์จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทม์สของสิงคโปร์รายงานว่า ภาพถ่ายประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ พร้อมด้วยนางลูอิส อราเนตา-มาร์กอส สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของฟิลิปปินส์ นายซานโดร มาร์กอส บุตรชายและผู้แทนของเขต 1 ในจังหวัดอีโลคอสนอร์เตของฟิลิปปินส์ นายมาร์ติน โรมูอัลเดซ ลูกพี่ลูกน้องและประธานรัฐสภาฟิลิปปินส์ รวมถึงนางเยดดา โรมูอัลเดซ ภรรยาของนายมาร์ตินและสมาชิกพรรคทินกอก ทั้งหมดกำลังนั่งชมการแข่งขันฟอร์มูลา วัน กรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นรายการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง หรือ F1 ในห้องรับรองพิเศษสุดหรู จนทำให้ภาพดังกล่าวตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนในสื่อออนไลน์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวหลายรายได้พยายามติดต่อทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เพื่อสอบถามเกี่ยวกับข่าวลือว่าผู้นำฟิลิปปินส์จะเดินทางเข้าชมการแข่งขันฟอร์มูลา วัน กรังด์ปรีซ์ ในสิงคโปร์ แต่เจ้าหน้าที่ของฟิลิปปินส์อ้างว่ายังไม่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี โฆษกของประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ เพิ่งจะยืนยันเรื่องดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าของวันนี้หลังนายตัน ซี เลง รัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของสิงคโปร์ ยืนยันว่าประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ […]

จับผู้โดยสารชายอ้างมีระเบิดในเที่ยวบินสิงคโปร์แอร์ไลน์

สิงคโปร์ 28 ก.ย. – ตำรวจสิงคโปร์จับกุมผู้โดยสารชาย วัย 37 ปี บนเที่ยวบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ หลังเขาอ้างว่าตนเองมีระเบิดอยู่ในกระเป๋าเดินทางที่ถือขึ้นเครื่องและทำร้ายพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน กองทัพอากาศสิงคโปร์เผยวันนี้ว่า กองทัพฯ ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ 2 ลำขึ้นไปบินคุ้มกันเครื่องบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ในเที่ยวบิน SQ33 ที่ออกเดินทางจากเมืองซานฟรานซิสโกในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ เวลา 22.26 น. ของวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐ ก่อนเดินทางถึงท่าอากาศยานชางงีของสิงคโปร์เมื่อเวลา 05.50 น. ของวันนี้ตามเวลาในสิงคโปร์ พร้อมผู้โดยสาร 209 คน และลูกเรือ 17 คน ด้านตำรวจสิงคโปร์ระบุว่า ได้รับแจ้งเหตุขู่วางระเบิดบนเที่ยวบินดังกล่าวเมื่อเวลา 02.40 น. ของวันนี้ตามเวลาในสิงคโปร์ ผลการสืบสวนในเบื้องต้นพบว่า ผู้โดยสารชาย วัย 37 ปี ได้อ้างว่าตนเองมีระเบิดอยู่ในกระเป๋าเดินทางที่ถือขึ้นเครื่อง และได้ก่อเหตุทำร้ายพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ก่อนถูกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจับมัดมือ และถูกตำรวจจับกุมหลังเครื่องบินเดินทางถึงสิงคโปร์ในความผิดฐานละเมิดข้อบังคับด้านการต่อต้านการก่อการร้ายของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น และตกเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหาใช้ยาที่ต้องได้รับการควบคุม ส่วนหนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทม์สของสิงคโปร์ระบุว่า ชายคนดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ โฆษกของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ระบุในแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องบินลำดังกล่าวพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือไปจอดในพื้นที่ห่างไกลจากอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานชางงีเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย คณะเจ้าหน้าที่จากฝ่ายป้องกันสารเคมี ชีวภาพ รังสี และวัตถุระเบิด […]

ชาวสิงคโปร์ยังสวมหน้ากากอนามัยแม้ยกเลิกคำสั่งในที่ปิด

สิงคโปร์ 29 ส.ค. – ชาวสิงคโปร์จำนวนมากยังคงสวมหน้ากากอนามัยต่อไป แม้สิงคโปร์ยกเลิกคำสั่งบังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่วันนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ใช้คำสั่งดังกล่าวมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานวันนี้ว่า แม้รัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศยกเลิกคำสั่งบังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่จากการสำรวจของเดอะสเตรทไทมส์ในห้างสรรพสินค้าและโรงเรียนทั่วสิงคโปร์พบว่า ประชาชนจำนวนมากยังคงสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด หลายคนให้เหตุผลที่ตัดสินใจสวมหน้ากากอนามัยว่าเป็นเพราะต้องการป้องกันสุขภาพร่างกายของตนเอง และไม่ต้องการติดเชื้อโควิด ซึ่งจะทำให้สมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดต้องตกเป็นกลุ่มเสี่ยง เดอะสเตรทไทมส์ยังได้ลงพื้นที่สำรวจห้างสรรพสินค้าเคลเมนติ มอลล์ (Clementi Mall) เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น และพบว่า มีประชาชนร้อยละ 80 ที่ยังสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้า เช่นเดียวกับประชาชนส่วนใหญ่ในห้างสรรพสินค้าคอมพาสส์ วัน มอลล์ (Compass One Mall) ในย่านเซงกัง ที่ยังคงสวมหน้ากากอนามัย ขณะที่คุณครูชาวสิงคโปร์ประจำโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งระบุว่า เธอต้องปรับตัวอย่างมากในการถอดหน้ากากอนามัยขณะสอนนักเรียน โดยเฉพาะช่วงที่สอนในห้องเรียน และนักเรียนก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เช่น นักเรียนคนหนึ่งที่เธอดูแลอยู่ไม่เคยเห็นหน้าเธอตอนถอดหน้ากากอนามัยมาก่อน แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ถอดหน้ากากได้ เด็กคนนี้จึงใช้เวลาจ้องหน้าเธออยู่นานเพื่อจดจำใบหน้า ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีเมื่อวันที่ 21  สิงหาคมซึ่งจัดขึ้นหลังวันชาติ 9 สิงหาคมว่า เด็กเล็กต้องมีโอกาสได้เห็นสีหน้าของคุณครูและเพื่อน ๆ […]

สิงคโปร์เลิกใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่ 29 ส.ค.

สิงคโปร์ 24 ส.ค.- สิงคโปร์จะยกเลิกคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม นับเป็นประเทศแรกๆ ในเอเชียที่ผ่อนคลายการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด และจะยกเลิกการกักตัวคนเข้าประเทศที่ฉีดวัคซีนไม่ครบ นายลอเรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ในฐานะประธานร่วมคณะทำงานเฉพาะกิจรับมือเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงวันนี้ว่า สถานที่ปิดส่วนใหญ่จะไม่บังคับสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม ยกเว้นโรงพยาบาล สถานดูแลและพักฟื้น และรถโดยสารสาธารณะ ขณะที่รถโดยสารส่วนตัว รถนักเรียนและรถแท็กซี่จะไม่บังคับสวมหน้ากากอนามัย ปัจจุบันสิงคโปร์อนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานที่เปิดเท่านั้น อย่างไรก็ดี ขอให้ผู้สูงอายุและผู้ภูมิคุ้มกันบกพร่องสวมหน้ากากอนามัยต่อไปเมื่ออยู่ในสถานที่ปิดที่มีคนหนาแน่นเพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ นอกจากนี้นับตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคมเป็นต้นไป ผู้เดินทางเข้าสิงคโปร์ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ไม่ครบโดสจะไม่ต้องกักตัวเป็นเวลา 7 วันอีกต่อไป แต่ต้องมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ 2 วันก่อนเดินทางถึงสิงคโปร์ ส่วนผู้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วจะเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องตรวจหาเชื้อหรือกักตัว รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เผยด้วยว่า การผ่อนคลายมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโควิดเป็นขั้นตอนสำคัญของสิงคโปร์ในการมีชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัส แต่ขอเตือนว่าการแพร่ระบาดยังไม่สิ้นสุด.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์จะเลิกกฎหมายห้ามชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย

สิงคโปร์ 22 ส.ค. – นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ระบุว่า สิงคโปร์จะยกเลิกกฎหมายห้ามผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย หลังประเด็นดังกล่าวตกเป็นที่โต้เถียงอย่างเผ็ดร้อนมายาวนานหลายปี นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ประกาศผ่านโทรทัศน์เมื่อคืนวันอาทิตย์ว่า สิงคโปร์จะยกเลิกกฎหมาย 377A ที่ห้ามผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย เขาเชื่อว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่ชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะยอมรับได้ การยกเลิกกฎหมายนี้จะทำให้กลุ่มรักเพศเดียวกันเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้น และทำให้กฎหมายของสิงคโปร์สอดคล้องกับจารีตของสังคมในปัจจุบัน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า นักเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) ในสิงคโปร์ ต่างออกมากล่าวยกย่องการตัดสินใจยกเลิกกฎหมาย 377A ซึ่งใช้มาตั้งแต่เมื่อครั้งตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ว่าเป็น ชัยชนะของมนุษยชาติ ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศอนุรักษ์นิยม ต้องเผชิญกับเสียงเรียกร้องจากประชาชนที่ต้องการให้ยกเลิกกฎหมาย 377A เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาลสิงคโปร์ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นประเทศหรือดินแดนล่าสุดในทวีปเอเชียที่ออกมาขับเคลื่อนสิทธิของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ต่อจากอินเดีย ไต้หวัน และไทย แต่สิงคโปร์ยังคงไม่มีกฎหมายรับรองการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน. -สำนักข่าวไทย

โพลล์ชี้แรงงานในสิงคโปร์ 40% ปฏิเสธงานถ้าไม่ได้ WFH

สิงคโปร์ 16 ส.ค. – ผลโพลล์ชี้ว่า แรงงานในสิงคโปร์ราวร้อยละ 40 จะปฏิเสธงาน หากไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานจากที่บ้าน หรือนายจ้างไม่อนุญาตให้เข้างานแบบเหลื่อมเวลาทำงานได้ แรนด์สตัด (Randstud) บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ของเนเธอร์แลนด์ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นรายครึ่งปีของผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นแรงงานในสิงคโปร์ 1,000 คน อายุ 18-67 ปี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมที่ผ่านมา ผลสำรวจดังกล่าว ซึ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ พบว่า แรงงานในสิงคโปร์ร้อยละ 42 จะปฏิเสธงาน หากนายจ้างไม่อนุญาตให้ทำงานจากที่บ้าน ขณะที่ร้อยละ 52 เล็งเห็นความสำคัญของการทำงานจากที่บ้าน และมีเพียงร้อยละ 52 ที่ระบุว่านายจ้างอนุญาตให้ทำงานจากบ้านได้ นอกจากนี้ ร้อยละ 41 ยังระบุว่า จะปฏิเสธงาน หากนายจ้างไม่อนุญาตให้เข้างานแบบเหลื่อมเวลาทำงาน ผลสำรวจความเห็นของแรนด์สตัดยังพบว่า แรงงานในสิงคโปร์ร้อยละ 80 ให้ความสำคัญกับการเข้างานแบบเหลื่อมเวลาทำงาน แต่มีเพียงร้อยละ 60 ที่ระบุว่าได้รับอนุญาตให้เข้างานแบบเหลื่อมเวลาทำงาน  และมีร้อยละ 27 ที่ลาออกจากงาน เพราะนายจ้างไม่มีนโยบายยืดหยุ่นเรื่องเวลาทำงานและสถานที่ทำงาน ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสิงคโปร์ สภาสหภาพการค้าแห่งชาติสิงคโปร์ และสภาองค์กรนายจ้างแห่งชาติสิงคโปร์ ได้ออกมาสนับสนุนให้นายจ้างปรับใช้แนวทางการทำงานที่ยืดหยุ่นให้แก่ลูกจ้าง […]

เผยอดีตผู้นำศรีลังกาจะเดินทางมาไทยหาที่พักชั่วคราว

สิงคโปร์ 10 ส.ค. – แหล่งข่าวไม่เผยนามระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ของศรีลังกา จะเดินทางมาประเทศไทยในวันพฤหัสบดี เพื่อหาที่พักชั่วคราวในประเทศไทย หลังพำนักอยู่ในสิงคโปร์มาเป็นระยะเวลาหนึ่งนับตั้งแต่หลบหนีออกจากศรีลังกาในเดือนกรกฎาคมเพราะถูกประชาชนบุกยึดทำเนียบและกดดันให้ออกจากตำแหน่ง สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนาม 2 คนที่ระบุว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาจะเดินทางออกเดินทางจากสิงคโปร์ถึงกรุงเทพมหานครในวันพฤหัสบดี เพื่อหาที่พักชั่วคราวในประเทศไทย หลังถูกประชาชนบุกยึดทำเนียบและกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง จนทำให้เขาต้องหลบหนีออกจากศรีลังกาไปมัลดีฟส์ก่อนออกเดินทางถึงสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม และยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่งต่อรัฐสภาศรีลังกา ขณะที่นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ไม่ขอแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีรานิล วิกรมสิงเห ของศรีลังกา กล่าวกับหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐ ในช่วงต้นเดือนนี้ว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่อดีตประธานาธิบดีราชปักษาจะเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากอาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองปะทุขึ้นอีกครั้ง และเขายังไม่ได้รับรายงานว่าอดีตผู้นำศรีลังกาจะเดินทางกลับประเทศในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ นายวิกรมสิงเห ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีศรีลังกาในขณะที่อดีตประธานาธิบดีราชปักษาดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ได้รับเลือกจากรัฐสภาศรีลังกาให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ต่อจากอดีตประธานาธิบดีราชปักษา.-สำนักข่าวไทย

เผยตารางเยือนเอเชียของประธานสภาสหรัฐแล้ว

วอชิงตัน 31 ก.ค.- สำนักงานของนางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐแจ้งว่า นางเปโลซีจะเยือน 4 ประเทศในเอเชีย โดยไม่ได้กล่าวถึงไต้หวันแต่อย่างใด หลังจากเกิดความตึงเครียดเพราะข่าวเรื่องเธออาจเยือนไต้หวันในเดือนสิงหาคม สำนักงานของเธอระบุในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า นางเปโลซีกำลังนำคณะผู้แทนในรัฐสภาสหรัฐเดินทางไปภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งรวมถึงการเยือนสิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น การตระเวนเยือนครั้งนี้จะมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความมั่นคงร่วมกัน ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในภูมิภาคนี้ เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานเมื่อไม่กี่วันก่อนอ้างคนใกล้ชิดว่า นางเปโลซีวัย 82 ปี เตรียมออกเดินทางในวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐ เพื่อเยือนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และสิงคโปร์ ทั้งหมดเป็นพันธมิตรของสหรัฐในภูมิภาคนี้ ขณะที่นางเปโลซีเองไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าวเรื่องแผนการเยือนไต้หวันโดยกล่าวเมื่อวันพุธว่า เธอไม่เคยเปิดเผยตารางการเดินทางเพราะจะเป็นอันตรายต่อตัวเอง.-สำนักข่าวไทย

เผยอดีต ปธน. ศรีลังกาได้ต่อวีซ่าอยู่สิงคโปร์อีก 14 วัน

สิงคโปร์ 27 ก.ค. – สื่อของสิงคโปร์รายงานวันนี้ว่า อดีตประธานาธิบดีโกเตบายา ราชปักษา ของศรีลังกา จะได้รับการต่อวีซ่าให้พำนักอาศัยในสิงคโปร์ได้อีก 14 วัน หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์ ระบุว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษา วัย 73 ปี ได้รับวีซ่าให้พำนักอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ 14 วัน นับตั้งแต่ที่เขาเดินทางถึงสิงคโปร์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมโดยเที่ยวบินของสายการบินซาอุเดียของซาอุดีอาระเบียจากมัลดีฟส์ และเขาจะได้รับการต่อวีซ่าให้พำนักในสิงคโปร์ได้อีก 14 วัน จนถึงวันที่ 11 สิงหาคม สื่อดังกล่าวยังรายงานว่า อดีตผู้นำศรีลังกาได้เดินทางเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองก่อนที่ย้ายไปอยู่ในที่พักส่วนตัวในสิงคโปร์ ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดีราชปักษาได้เก็บตัวเงียบและไม่ได้ปรากฏตัวในที่สาธารณะนับตั้งแต่เดินทางถึงสิงคโปร์ รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่โฆษกรัฐบาลศรีลังกาเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาเตรียมเดินทางกลับบ้านเกิด แต่เขาไม่รู้ว่าอดีตผู้นำศรีลังกาจะเดินทางกลับประเทศเมื่อใด พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาไม่ได้หลบซ่อนตัวและไม่ได้ถูกสั่งเนรเทศออกนอกประเทศแต่อย่างใด ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐ รายงานอ้างคำพูดเจ้าหน้าที่รัฐบาลศรีลังที่ไม่เผยนามว่า อดีตประธานาธิบดีราชปักษาต้องการเดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุด และอยากกลับไปใช้ชีวิตในบ้านพักส่วนตัวที่ย่านชานเมืองกรุงโคลัมโบของศรีลังกา ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีราชปักษาได้หลบหนีออกนอกศรีลังกาไปมัลดีฟส์ก่อนออกเดินทางต่อไปยังสิงคโปร์ หลังถูกกลุ่มผู้ประท้วงบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดีเพื่อกดดันให้เขาลาออกจากตำแหน่งท่ามกลางปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อจนส่งผลให้ราคาสินค้าจำเป็นพุ่งสูงขึ้น เช่น อาหารและน้ำมันเชื้อเพลิง.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์พบผู้ป่วยฝีดาษลิงเพิ่มอีก 2 คน

สิงคโปร์ 25 ก.ค. – สิงคโปร์พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายใหม่เพิ่มอีก 2 คนเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 7 และ 8 ของสิงคโปร์ กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์เผยว่า พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงรายใหม่อีก 2 คน เป็นชายชาวเอสโตเนีย วัย 46 ปี และชายสิงคโปร์ วัย 26 ปี ทำให้สิงคโปร์พบผู้ป่วยฝีดาษลิงทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศ 4 คน และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน โดยที่ผู้ป่วยทั้งหมดไม่มีความเชื่อมโยงกัน ทั้งยังระบุว่า ชายเอสโตเนียได้เดินทางจากกรุงลอนดอนของอังกฤษมายังสิงคโปร์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม และมีผลตรวจติดเชื้อฝีดาษลิงในวันที่ 24 กรกฎาคม เนื่องจากมีผื่นขึ้นบริเวณขาหนีบ มีไข้ และต่อมน้ำเหลืองบวม ส่วนชายสิงคโปร์ ซึ่งมีผื่นบริเวณขาหนีบและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มีผลตรวจติดเชื้อฝีดาษลิงในวันอาทิตย์เช่นกัน เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวผู้ป่วยทั้งสองคนเข้ารับการรักษาที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติแล้ว โดยที่ผู้ป่วยทั้งสองมีอาการคงที่ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ยังได้ส่งแถลงการณ์ถึงหนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์เกี่ยวกับการใช้มาตรการในประเทศหรือข้อจำกัดพรมแดน หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า สิงคโปร์ได้ใช้มาตรการควบคุมโรคฝีดาษลิงตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว และระบบสาธารณสุขของสิงคโปร์ยังคงมีขีดความสามารถสูงในการตรวจหาเชื้อ […]

1 9 10 11 12 13 65
...