ศาลรัฐธรรมนูญ

รัฐสภา 24 ก.พ. – “วิรัช”ยันแม้บรรยากาศไม่ดีก็ต้องเดินหน้าแก้รธน. ต่อปัดตั้งธงแก้รายมาตรา แต่จะเดินหน้าตั้ง ส.ส.ร. ให้ได้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมวาระในวันที่ 24-25 ก.พ. นี้ ตราบใดยังไม่มีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ก็ต้องพิจารณาไปตามขั้นตอน หากไม่เสร็จต้องขยายไป 26 ก.พ. หลังจากนั้น 15 วัน ก็ต้องเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาวาระ3 โดยกระบวนการทั้งหมดเป็นขั้นตอน ไม่สามารถเร่งรัดได้ และแม้บรรยากาศจะไม่ดีตามที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปรัฐบาลระบุ แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะทำอะไรไม่ได้แล้ว นายวิรัช ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านชี้ว่า รัฐบาลตั้งธงแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ยืนยันว่า ยังไม่คิดถึงตรงนั้น แต่จะเดินหน้าตั้ง ส.ส.ร. และเลือกให้ได้ 200 คน หลังจากนั้นไปว่ากันอีกที โดยจะพยายามทำให้ดีที่สุด “ผลการวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะบวกหรือลบ ก็ต้องยอมรับมีผลกระทบ ซึ่งหากมีคำวินิจฉัยมาอย่างไร ต้องหารือกับวิปฝ่ายค้าน ว่าจะพิจารณาแก้รายมาตราต่อเลยหรือไม่”นายวิรัชกล่าว.- สำนักข่าวไทย      

“สุทิน” ติดใจบรรยากาศแก้ รธน. เปรียบเหมือนไก่ ไม่รู้ถูกเชือดเมื่อไหร่ อัดรัฐบาลไม่จริงใจอยากแก้รายมาตรา

“วิรัช” ย้ำเดินหน้าลงมติแก้ รธน.วาระ 2 ไม่รอคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมแผนสำรองแก้รายมาตรา

รัฐสภา 10 ก.พ. -รองประธานสภาฯ ไฟเขียวญัตติ “ไพบูลย์” ขอสภา ส่งศาล รธน.ชะลออภิปรายไม่ไว้วางใจพาดพิงสถาบัน ยันเข้าองค์ประกอบบรรจุวาระได้ นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง กล่าวว่า ได้พิจารณาญัตติด่วนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. พลังประชารัฐ ยื่นขอให้สภาผู้แทนราษฎรมีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่เนื่องจากมีเนื้อหาเชื่อมโยงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยยืนยันว่าฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาเนื้อหาของญัตติดังกล่าวแล้ว พบว่าครบองค์ประกอบตามข้อบังคับการประชุมข้อที่ 48 เพราะเป็นกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเคลือบแคลงสงสัยอำนาจหน้าที่ของสมาชิก ดังนั้นเมื่อมีข้อข้องใจดังกล่าวก็สามารถเสนอญัตตินี้ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาได้ และจะบรรจุเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุมต่อไป ส่วนจะทันการประชุมในสัปดาห์นี้หรือไม่นั้นนายศุภชัย เห็นว่าขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาลและฝ่ายค้าน และที่ประชุมสภาจะพิจารณา เพราะตนมีหน้าที่เพียงกลั่นกรองญัตติเท่านั้น หากเห็นว่าเป็นเรื่องด่วนที่ประชุมสภาก็สามารถหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาก่อนได้.- สำนักข่าวไทย      

ศาลรัฐธรรมนูญ 10 ก.พ.-“สิระ”ส่งทนายยื่นศาลรัฐธรรมนูญ  เอาผิด “เสรีพิศุทธ์”  วิจารณ์ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เข้าข่ายละเมิดศาล  การวิพากษ์วิจารณ์ทำได้แต่ต้องไม่กระทบกับอำนาจการพิจารณาคดี นายศุภภัทร์พจน์  นิติศศธร   ทนายความของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ  เข้ายื่นหนังสือถึงเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้รวบรวมพยานหลักฐานและเสนอให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเอาผิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส  หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ฐานละเมิดศาล  กรณีให้สัมภาษณ์พาดพิงการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่รับตรวจสอบคุณสมบัติของนายสิระ แต่ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. โดยเห็นว่า การให้สัมภาษณ์ของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์  เป็นการพาดพิงไม่น่าจะถูกต้อง  และเข้าข่าย ละเมิดศาล  “ทุกศาลจะต้องเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน   ถ้าไปละเมิดส่วนนี้แล้วก็จะไม่เหลือที่พึ่งเลย   จึงได้ยื่นคำร้องและได้ถอดคำให้สัมภาษณ์ของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาแสดงต่อศาลด้วย และแม้ว่าการวิพากษ์วิจารณ์สามารถทำได้  คำพิพากษาศาลทุกศาลวิพากษ์วิจารณ์ได้  ถ้าทำโดยสุจริต ปัญหาไม่ได้อยู่ที่วิพากษ์วิจารณ์ได้หรือไม่ แต่อยู่ที่ใช้คำพูดอย่างไร ที่มันกระทบกับอำนาจการพิจารณาคดี หรือสั่งคดีของศาล”นายศุภภัทร์พจน์กล่าว .- สำนักข่าวไทย      

ศาลรัฐธรรมนูญ 3 ก.พ.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง“เรืองไกร” แก้ไขคำร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน พร้อมสั่งเลื่อนพิจารณาคำร้อง “ณฐพร” เหตุทั้งสองคำร้องมีข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกัน   วันนี้( 3 ก.พ.) ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าว ผลการประชุมศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. ยื่นคำร้องกล่าวอ้างว่าสมาชิกรัฐสภาที่ลงมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  ตามญัตติที่ 1 จำนวน 576 คน   และสมาชิรัฐสภาที่ลงมติให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามญัตติที่  2 จำนวน 647 คน  ลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ทั้ง  2  ฉบับในวาระที่ 1  เป็นการกระทำดังกล่าวเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  ตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง   และใช้บังคับมิได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 5 วรรคหนึ่ง  ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งประธานรัฐสภา  สั่งระงับหรืองดเว้นการประชุมร่วมของรัฐสภา  เพื่อพิจารณาหรือลงมติในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย โดยศาลได้มีคำสั่งให้นายเรืองไกร กลับไปแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องให้ครบถ้วน  เพื่อประกอบการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ   […]

ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยสถานะ ส.ส. ของ “สิระ” แต่ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ชี้คำพิพากษาคดีฉ้อโกงยังไม่ถึงที่สุด