“ไบเดน” ไฟเขียวจัดหาทุ่นระเบิดให้กับยูเครน
เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้ความเห็นชอบในการจัดหาทุ่นระเบิดบกสังหารบุคคล (anti-personnel land mines) ให้แก่ยูเครน
เจ้าหน้าที่สหรัฐเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้ความเห็นชอบในการจัดหาทุ่นระเบิดบกสังหารบุคคล (anti-personnel land mines) ให้แก่ยูเครน
รัสเซียประกาศจะตอบโต้อย่างสาสมหลังจากที่สหรัฐได้ปรับเปลี่ยนนโยบายสงครามยูเครนครั้งสำคัญ ยอมให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่สหรัฐมอบให้ยิงโจมตีในดินแดนรัสเซียได้
มอสโก 18 พ.ย.- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) รัสเซียชี้ว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกำลังเสี่ยงทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หากอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของสหรัฐโจมตีลึกเข้ามาในดินแดนของรัสเซีย มาเรีย บูทีนา สส.หญิงรัสเซียวัย 36 ปี ที่เคยถูกคุมขังในสหรัฐนาน 15 เดือนในปี 2561 ข้อหาทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัสเซียโดยไม่ขึ้นทะเบียน แสดงความเห็นกับรอยเตอร์ในวันนี้ว่า รัฐบาลไบเดนพยายามจะทำให้สถานการณ์รุนแรงไปจนถึงขีดสุดในขณะที่ยังมีอำนาจ เธอหวังอย่างสูงว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะล้มเลิกการตัดสินใจดังกล่าวหากเกิดขึ้นจริงตามที่เป็นข่าว เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ สส.หญิงรัสเซียกล่าวเรื่องนี้ หลังจากรอยเตอร์รายงานเมื่อวันอาทิตย์อ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐ 2 คน และแหล่งข่าว 1 คนว่า รัฐบาลไบเดนได้ตัดสินใจอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐก็รายงานเช่นเดียวกัน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเตือนเมื่อเดือนกันยายนว่า หากชาติตะวันตกอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของตะวันตกโจมตีรัสเซีย จะเท่ากับว่าสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต สหรัฐ และประเทศในยุโรป ได้เข้ามาข้องเกี่ยวกับสงครามยูเครนโดยตรง เนื่องจากจะต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรทางทหารของนาโตในการเล็งและยิงขีปนาวุธ ต่อมาผู้นำรัสเซียกล่าวในเดือนตุลาคมว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียกำลังหาหนทางตอบโต้ที่แตกต่างออกไป ในกรณีที่สหรัฐและนาโตช่วยยูเครนโจมตีลึกเข้ามาในรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตก.-814.-สำนักข่าวไทย
วอชิงตัน 18 พ.ย.- รัฐบาลสหรัฐไฟเขียวให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธที่สหรัฐมอบให้ยิงโจมตีในดินแดนรัสเซียได้แล้ว หลังจากที่ห้ามใช้มานานเพราะเกรงว่าสงครามจะรุนแรงขึ้น รัฐบาลของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งสำคัญ หลังจากที่ได้ช่วยเหลือด้านอาวุธให้กับยูเครนมากที่สุด แต่กำหนดเงื่อนไขไม่ให้ใช้อาวุธหนักอย่างขีปนาวุธพิสัยไกล ยิงโจมตีในดินแดนรัสเซีย แม้ว่ารัฐบาลยูเครนได้ร้องขอมานานแล้ว เป็นการปรับเปลี่ยนก่อนที่สหรัฐจะมีประธานาธิบดีคนใหม่ เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ สาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ด้านสื่อมวลชนสอบถามขอคำยืนยันเรื่องนี้จากนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครน เขาตอบในการบันทึกคลิปประจำวันเพียงว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องประกาศ ขีปนาวุธจะทำให้ทราบเอง และชัยชนะจะเป็นของยูเครน ด้านรัสเซียยังไม่ได้มีปฏิกริยาใด ๆ ออกมา แม้ว่าก่อนหน้านี้นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเคยเตือนไว้ว่า หากชาติตะวันตกกระทำเช่นนี้ จะทำให้พันธมิตรนาโตร่วมทำสงครามยูเครนโดยตรง การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐครั้งนี้อาจเป็นการยกระดับความขัดแย้ง แต่ในขณะเดียวกันถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เพื่อช่วยให้ยูเครนมีข้อต่อรองดีขึ้นหากมีการเจรจากัน เนื่องจากขณะนี้กองทหารของยูเครนได้เข้าไปยึดดินแดนของรัสเซียในแคว้นคุสค์ หากสามารถใช้ขีปนาวุธในดินแดนนี้ได้ก็จะทำให้ยูเครนสามารถยึดครองได้ต่อไป และจะมีผลต่อการตั้งเงื่อนไขเจรจา ขีปนาวุธพิสัยไกลนี้มีพิสัยทำการ 300 กิโลเมตร เป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูง แม้จะไม่ถึงกับทำให้ยูเครนพลิกสถานการณ์ได้ แต่ก็ทำให้ช่วงชิงความได้เปรียบมาบ้าง แหล่งข่าวของสหรัฐเผยว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้สหรัฐตัดสินใจเช่นนี้ คือ การที่รัสเซียนำทหารเกาหลีเหนือมาร่วมรบในสงครามยูเครน ตามที่ยูเครนประเมินว่า ประจำการในแคว้นคุสค์มากถึง 11,000 นายในขณะนี้.-812(814).-สำนักข่าวไทย
เคียฟ 17 พ.ย.- ผู้นำยูเครนเผยว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธประมาณ 120 ลูก และใช้โดรนโจมตี 90 ลำ ถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในหลายเมืองทั่วยูเครน ประธานาธิบดีโวโดลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในวันนี้ว่า รัสเซียได้ใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ เป้าหมายคือโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั่วยูเครน ทำให้เกิดความเสียหายจากการโจมตีของรัสเซียและเศษซากของอาวุธรัสเซียที่ถูกยูเครนยิงทำลาย ด้านเจ้าหน้าที่ยูเครนเผยว่า มีเสียงระเบิดดังทั่วกรุงเคียฟและอีกหลายเมืองในช่วงเช้ามืดวันนี้ อันเป็นผลจากการที่รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตียูเครนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากเดือนสิงหาคม เป้าหมายคือโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตไฟฟ้าและจ่ายกระแสไฟฟ้าในช่วงที่ยูเครนกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้าในหลายเมือง รวมถึงกรุงเคียฟเพื่อความปลอดภัยในกรณีที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่ประชาชนในกรุงเคียฟพากันไปหลบในสถานีรถไฟใต้ดินในช่วงที่รัสเซียโจมตี.-814.-สำนักข่าวไทย
เปียงยาง 15 พ.ย. – นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ได้สั่งการให้เร่งผลิตอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรนพุ่งชน (suicide drone) เพื่อใช้เป็นอาวุธตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป สำนักข่าวกลางเกาหลีหรือเคซีเอ็นเอ (KCNA) ของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานว่า นายคิมได้เดินทางไปให้คำแนะนำแก่เจ้าหน้าที่เรื่องทดสอบโดรนพุ่งชน และสั่งการให้ผลิตอาวุธชนิดนี้ในจำนวนมาก โดยระบุว่า ทั่วโลกมีการใช้โดรนด้านการทหารเพิ่มขึ้นมาก สะท้อนถึงการยอมรับถึงความสำเร็จในการนำโดรนมาใช้ในสนามรบหลากหลายขนาด เกาหลีเหนือจึงจำเป็นต้องปรับปรุงทฤษฏีในการรบให้ทันสมัยมากขึ้น ด้วยการเร่งสร้างระบบการผลิตขึ้นมาให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วขยายไปเป็นการผลิตเป็นจำนวนมาก เกาหลีเหนือเคยส่งโดรนข้ามพรมแดนเข้าไปบินเหนือน่านฟ้าเกาหลีใต้นานหลายชั่วโมง รวมถึงทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงโซล และถูกเกาหลีใต้ยิงทำลาย ขณะที่โดรนพุ่งชนซึ่งเป็นโดรนที่ใช้ค้นหาและโจมตีเป้าหมาย (loitering munitions) ถูกนำมาใช้มากขึ้นในสงครามรัสเซีย-ยูเครน และสงครามในตะวันออกกลาง การที่เกาหลีเหนือเร่งพัฒนาอาวุธอย่างก้าวกระโดด ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทของรัสเซียที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเกาหลีเหนือมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมานี้ว่า เกาหลีเหนือน่าจะได้รับความช่วยเหลือในการพัฒนาอาวุธจากรัสเซีย ซึ่งก็ต้องการอาวุธเพื่อใช้ในสงครามยูเครน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข้อกล่าวหาว่า เกาหลีเหนือได้ส่งทหารไปยังรัสเซียเพื่อช่วยรบในยูเครนด้วย.-812(814).-สำนักข่าวไทย
แจ็ค เทเชรา อดีตเจ้าหน้าที่ประจำกองกำลังพิทักษ์ชาติทางอากาศของสหรัฐ ถูกศาลตัดสินลงโทจำคุก 15 ปี หลังจากรับสารภาพว่า เป็นผู้ปล่อยเอกสารทางทหารลับระดับสูงทางออนไลน์
เปียงยาง 12 พ.ย.- เกาหลีเหนือให้สัตยาบันสนธิสัญญากลาโหมร่วมกับรัสเซียที่ทั้ง 2 ฝ่ายลงนามเมื่อเดือนมิถุนายน เป็นสนธิสัญญาที่แต่ละฝ่ายจะช่วยเหลือกันในกรณีที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธ สถานีโทรทัศน์เคอาร์ที (KRT) และสำนักข่าวกลางเกาหลีหรือเคซีเอ็นเอ (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ว่า สนธิสัญญาว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุมระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซียได้รับการให้สัตยาบันเมื่อวานนี้ตามคำสั่งของนายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และจะมีผลบังคับใช้เมื่อทั้ง 2 ประเทศแลกเปลี่ยนสัตยาบันสารระหว่างกัน ด้านสำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียได้ลงนามสนธิสัญญาให้เป็นกฎหมายเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น นายคิมทำสนธิสัญญานี้กับนายปูตินระหว่างการประชุมสุดยอดที่กรุงเปียงยางของเกาหลีเหนือในเดือนมิถุนายน ซึ่งกำหนดไว้ว่า ทั้ง 2 ประเทศควรใช้ทุกวิถีทางให้ความช่วยเหลือทางทหารและอื่น ๆ โดยทันที ในกรณีที่อีกฝ่ายอยู่ในภาวะสงคราม และนับตั้งแต่นั้นมาเกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางกองทัพขึ้นไปสู่ระดับสูงครั้งใหม่ สหรัฐยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ส่งทหาร 10,000 นายไปยังแนวรบในแคว้นคุสค์ของรัสเซียที่อยู่ติดกับยูเครน และเมื่อไม่นานมานี้ผู้นำรัสเซียเปรยว่า อาจจะจัดการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกับเกาหลีเหนือ.-814.-สำนักข่าวไทย
วอชิงตัน 11 พ.ย.- หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้โทรศัพท์ถึงนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย และหารือเรื่องสงครามยูเครน วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กับปูตินเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน หารือเรื่องสงครามยูเครน โดยทรัมป์แนะปูตินว่า อย่าทำให้สงครามขยายวงกว้างออกไปอีก และย้ำเตือนว่าสหรัฐมีกำลังทหารจำนวนมากอยู่ในยุโรป ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า นายทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครนเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ด้านกระทรวงต่างประเทศยูเครนแถลงเมื่อวันอาทิตย์ปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องสหรัฐได้แจ้งยูเครนล่วงหน้าเรื่องทรัมป์จะสนทนาทางโทรศัพท์กับปูติน ทั้งนี้ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ นายทรัมป์เคยประกาศว่า จะหาทางยุติสงครามยูเครนให้ได้ภายใน 1 วัน แต่ไม่ได้ชี้แจงว่าจะดำเนินการอย่างไร ขณะที่หนังสือเล่มใหม่ของนายบ็อบ วูดเวิร์ด ผู้สื่อข่าวของวอชิงตันโพสต์ระบุว่า ทรัมป์เคยคุยกับปูตินในหลายโอกาสหลังจากพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อเดือนมกราคม 2564 แต่ทรัมป์ไม่ยอมยืนยันเรื่องนี้.-816(814).-สำนักข่าวไทย
มอสโก 10 พ.ย. – ยูเครนใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน โจมตีกรุงมอสโกของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดในวันนี้ ทำให้ท่าอากาศยานหลัก 3 แห่ง ในกรุงมอสโก ต้องเปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบินเป็นการชั่วคราว นายเซอร์เก โซเบียนิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโกแจ้งว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียสามารถยิงทำลายโดรนจำนวน 34 ลำที่มุ่งหน้ามายังกรุงมอสโก และไม่มีรายงานความเสียหายใหญ่ โดยมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ขณะที่สำนักงานการบินของรัสเซียแจ้งว่า ท่าอากาศหลัก 3 แห่งในกรุงมอสโก คือ โดโมเดโดโว, เชเรเมเตียโว และซูโคโวต้องเปลี่ยนเส้นทางเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานอื่นเป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 36 เที่ยว ก่อนกลับมาให้บริการตามปกติ ครั้งนี้ถือว่ายูเครนส่งโดรนโจมตีกรุงมอสโกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 หลังจากที่เคยส่งโดรนโจมตีกรุงมอสโกครั้งใหญ่ที่สุดในเดือนกันยายน ครั้งนั้นถูกรัสเซียยิงทำลาย 20 ลำ กรุงมอสโกและปริมณฑลมีประชากรอย่างน้อย 21 ล้านคน เป็น 1 ในเขตมหานครที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ขณะเดียวกันกองทัพยูเครนแจ้งว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสามารถยิงทำลายโดรนของรัสเซียได้ 62 ลำ จากที่บินเข้ามาทั้งหมด 145 ลำเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา.-814.-สำนักข่าวไทย
กระทรวงต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า ในขณะนี้ยังมองไม่เห็นเหตุผลในการที่จะพูดถึงการกลับไปเจรจากับสหรัฐในเรื่องยุทธศาสตร์เสถียรภาพเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามและการควบคุมอาวุธ
กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้กล่าววันนี้ว่า ทหารเกาหลีเหนือมากกว่า 10,000 นาย เดินทางไปอยู่ในรัสเซียแล้ว เพื่อสนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน