ผลวิจัยฮ่องกงชี้โอไมครอนแพร่ในหลอดลมเร็วกว่าเดลตา 70 เท่า

ฮ่องกง 16 ธ.ค. – ผลวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วในหลอดลมสูงถึง 70 เท่า เมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา แต่เพิ่มจำนวนช้าลง 10 เท่าในเนื้อเยื่อปอดเมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีอาการป่วยรุนแรงน้อยกว่า ผลวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่โดยคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง (HKUMed) ระบุว่า คณะนักวิจัยประสบความสำเร็จในการคัดแยกเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนและนำเนื้อเยื่อปอดจากผู้ป่วยติดเชื้อโควิดมาใช้ในการศึกษาการกลายพันธุ์ครั้งล่าสุด ผลการเปรียบเทียบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมพบว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วในหลอดลมมากกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมและเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาถึง 70 เท่าหลังได้รับเชื้อโอไมครอนเป็นเวลา 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนกลับเพิ่มจำนวนช้าลง 10 เท่าในเนื้อเยื่อปอด เมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนมีอาการป่วยรุนแรงน้อยกว่า ทั้งนี้ ผลวิจัยดังกล่าวกำลังได้รับการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ ผศ. ไมเคิล ชาน จือ-เว่ย อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮ่องกง ตั้งข้อสังเกตว่า อาการป่วยรุนแรงในผู้ป่วยติดเชื้อโควิดไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเพิ่มจำนวนของเชื้อโควิดเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงระบบตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยติดเชื้อด้วย นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นวงกว้าง อาจทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ แม้เชื้อดังกล่าวจะทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงน้อยลงก็ตาม.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาพบผู้ป่วยโควิดโอไมครอนรายแรก

พนมเปญ 15 ธ.ค. – กัมพูชาพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของประเทศเป็นหญิงชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับมาจากกานา โดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่นครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกรุงเทพมหานครของไทย กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชาระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเป็นหญิงชาวกัมพูชา วัย 23 ปี ที่เดินทางกลับมาจากกานาโดยแวะเปลี่ยนเครื่องที่นครดูไบและกรุงเทพมหานคร หญิงคนดังกล่าวกำลังตั้งครรภ์ได้ 15 สัปดาห์ และได้รับการส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลแล้ว ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายน กำลังแพร่ระบาดในกว่า 70 ประเทศ และมีแนวโน้มว่าได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ส่วนใหญ่ทั่วโลกแล้ว ทุกประเทศควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และไม่ควรมองข้าม แม้เชื้อดังกล่าวไม่ทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงก็ตาม ก่อนหน้านี้ กัมพูชาได้ประกาศเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดสในเดือนพฤศจิกายน หลังมีอัตราฉีดวัคซีนโควิดครบโดสอยู่ในระดับสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของทวีปเอเชีย โดยมีประชาชนกว่าร้อยละ 88 จากประชากรทั้งหมด 16 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส ขณะนี้ กัมพูชามียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 120,000 คน และผู้เสียชีวิตราว 3,000 คน.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกเตือนโอไมครอนแพร่เร็วอย่างไม่เคยพบมาก่อน

เจนีวา 15 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกเตือนเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนกำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวใน 77 ประเทศแล้ว ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกแถลงว่า เขารู้สึกวิตกกังวลว่าประเทศต่าง ๆ ยังรับมือกับการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ไม่ดีนัก ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าได้ประเมินความอันตรายของเชื้อดังกล่าวต่ำเกินไป แม้เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะทำให้เกิดอาการป่วยไม่รุนแรง แต่ก็อาจทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งจนระบบสาธารณสุขต้องเผชิญกับภาวะตึงตัว เขายังระบุเพิ่มเติมว่า การฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันอาจมีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 แต่ควรคำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญด้วย การฉีดวัคซีนเข็มที่สามให้แก่กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่ำต่ออาการป่วยหนักหรือเสียชีวิตจะทำให้ชีวิตของคนจำนวนมากที่มีความเสี่ยงสูงและยังไม่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนโควิดต้องตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากปัญหาขาดแคลนวัคซีน บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี รายงานว่า หลายประเทศทั่วโลกได้ประกาศใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียงหลังพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนครั้งแรกในแอฟริกาใต้ แต่แนวทางดังกล่าวกลับประสบความล้มเหลวในการพยายามควบคุมการระบาด ขณะที่ผลการศึกษาล่าสุดของไฟเซอร์ระบุว่า วัคซีนโควิดมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนลดลงเมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่การฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามจะช่วยกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้.-สำนักข่าวไทย

ไฟเซอร์เผยยาเม็ดต้านโควิดยังมีประสิทธิภาพ 90%

นิวยอร์ก 15 ธ.ค. – ไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ เผยเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า ยาเม็ดต้านเชื้อโควิดที่บริษัทพัฒนาขึ้นยังคงมีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้เกือบร้อยละ 90 ในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่มีความเสี่ยงสูง ขณะที่ผลทดลองล่าสุดชี้ว่า ยาดังกล่าวมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเช่นกัน ไฟเซอร์เผยข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ขั้นสุดท้ายจากการทดลองในห้องปฏิบัติการว่า ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดเสียชีวิตหลังได้รับยาเม็ดต้านเชื้อโควิด และมีผู้ป่วยติดเชื้อ 12 รายที่เสียชีวิตจากการได้รับยาหลอก ไฟเซอร์ได้ใช้ยาดังกล่าวร่วมกับยาต้านเชื้อไวรัสแบบดั้งเดิมในกลุ่มอาสาสมัครทุก ๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 5 วันหลังจากที่ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด หากยาเม็ดต้านเชื้อโควิดได้รับการอนุมัติ ไฟเซอร์จะจัดจำหน่ายยาดังกล่าวภายใต้ชื่อ แพ็กซ์โลวิด ไฟเซอร์ยังเผยข้อมูลเบื้องต้นจากการทดลองครั้งที่สองที่ระบุว่า ยาเม็ดต้านเชื้อโควิดช่วยลดอัตราป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ราวร้อยละ 70 จากการทดลองทางคลินิกในกลุ่มอาสาสมัครขนาดเล็กที่เป็นผู้ใหญ่ทั่วไปที่มีความเสี่ยงระดับปานกลาง ซึ่งรวมถึงกลุ่มผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดสที่มีความเสี่ยงสูง ในขณะเดียวกัน นายมิคาเอล โดลสเตน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของไฟเซอร์ เผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า คาดว่ายาเม็ดต้านเชื้อโควิดของไฟเซอร์จะได้รับการอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ หรือเอฟดีเอ รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลยาของประเทศอื่น ๆ ในเร็ว ๆ นี้ ก่อนหน้านี้ ไฟเซอร์เผยเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า ยาเม็ดต้านเชื้อโควิดมีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากโรคโควิดสูงถึงร้อยละ 89 ในกลุ่มอาสาสมัคร 1,200 คน ขณะที่ผลการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งในครั้งนี้มีกลุ่มอาสาสมัครเข้าร่วมเพิ่มอีก 1,000 คน.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์เร่งฉีดวัคซีนโควิดเข็มสามสกัดโอไมครอน

สิงคโปร์ 14 ธ.ค. – สิงคโปร์จะเร่งเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่สามมากยิ่งขึ้นเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน กระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ระบุวันนี้ว่า ข้อมูลเบื้องต้นจากต่างประเทศชี้ว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มสามมีภูมิต้านทานเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีอัตราป้องกันอาการป่วยรุนแรงจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ดังนั้น การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจึงมีความจำเป็นเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านและลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการหลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ยังแจ้งว่า สิงคโปร์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั้งหมด 16 คน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อ 14 คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และมี 2 คนที่ติดเชื้อในประเทศ ทั้งหมดได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส และเป็นผู้ที่ไม่มีอาการป่วยหรือมีอาการเล็กน้อย โดยที่ทางการสิงคโปร์ยังไม่พบความเชื่อมโยงของการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในชุมชน ก่อนหน้านี้ ทางการสิงคโปร์รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 339 คน และผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 273,000 คน และผู้เสียชีวิต 798 คน.-สำนักข่าวไทย

จีนพบผู้ป่วยโควิดโอไมครอนรายแรกแล้ว

ปักกิ่ง 14 ธ.ค. – จีนพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกที่เมืองเทียนจิน ซึ่งเป็นเมืองท่าเรือที่สำคัญทางเหนือของจีน โดยที่ผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าวเป็นชาวโปแลนด์ที่เดินทางจากกรุงวอร์ซอมายังจีน หนังสือพิมพ์เทียนจิน เดลี ของทางการจีน รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า หน่วยงานสาธารณสุขของเมืองเทียนจินพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเป็นชาวโปแลนด์ที่เดินทางมาจากกรุงวอร์ซอของโปแลนด์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ขณะที่หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ของจีนระบุว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวมีอุณหภูมิร่างกายอยู่ในระดับปกติและไม่มีอาการป่วย แต่มีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกและได้รับการส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลแล้ว ส่วนผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านระบบทางเดินหายใจของจีนเผยกับหนังสือพิมพ์ดังกล่าวว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เพราะจีนยังคงใช้ยุทธศาสตร์ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อเป็นศูนย์ รวมถึงการใช้มาตรการป้องกันและการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 76 คน ลดลงจากวันก่อนที่มี 101 คน ในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 51 คน ลดลงจากวันก่อนที่มี 80 คน โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ที่มณฑลเจ้อเจียง มณฑลฉ่านซี เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน และมณฑลเฮย์หลงเจียง ขณะนี้ จีนมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 99,800 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 4,600 คน.-สำนักข่าวไทย

อังกฤษพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโควิดโอไมครอน

ลอนดอน 14 ธ.ค. – อังกฤษยืนยันเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของประเทศ ขณะที่กำลังเร่งเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่สามเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ เผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนโควิดในกรุงลอนดอนว่า อังกฤษพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนราวร้อยละ 40 จากยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดทั้งหมดในโรงพยาบาล และมีผู้ป่วยติดเชื้อที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น อังกฤษยังพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 รายที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หลังจากที่เพิ่งประกาศเตือนประชาชนทั่วประเทศเมื่อวันอาทิตย์ว่ากำลังเผชิญกับการระบาดระลอกใหญ่ นอกจากนี้ ผู้นำอังกฤษยังได้กล่าวเน้นย้ำผ่านโทรทัศน์ ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนักว่า อังกฤษจำเป็นต้องใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อป้องกันไม่ให้โรงพยาบาลเผชิญกับภาวะตึงตัวในอีกหลายสัปดาห์หน้า และประชาชนวัยผู้ใหญ่ทุกคนสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามภายในสิ้นเดือนนี้ ในขณะเดียวกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหภาพยุโรป หรืออีซีดีซี ระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าวอาจเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่ยังมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดทั่วโลกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการตรวจเพื่อถอดรหัสพันธุกรรม ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะระบุว่าผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของโลก ขณะนี้ อังกฤษมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 10.8 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 146,000 คน.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกชี้โอไมครอนแพร่เชื้อเร็วขึ้น-ลดประสิทธิภาพวัคซีน

เจนีวา 13 ธ.ค. – องค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแพร่เชื้อได้รวดเร็วกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตา และทำให้วัคซีนป้องกันโรคโควิดมีประสิทธิภาพลดลง แต่เชื้อดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อ องค์การอนามัยโลกระบุว่า ขณะนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปยัง 63 ประเทศทั่วโลกนับถึงวันที่ 9 ธันวาคม และพบการระบาดอย่างรวดเร็วในแอฟริกาใต้ ซึ่งพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในระดับต่ำ และอังกฤษ ซึ่งพบการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในระดับสูง ทั้งยังระบุว่า ยังขาดข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอัตราแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นเพราะการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่น้อยลง การแพร่เชื้อที่รวดเร็วขึ้น หรือทั้งสองปัจจัยรวมกัน องค์การอนามัยโลกรายงานอ้างข้อมูลเบื้องต้นที่ระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้วัคซีนป้องกันโรคโควิดมีประสิทธิภาพลดลงในด้านการป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดยังชี้ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอาจเข้ามาแพร่ระบาดแทนที่เชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในชุมชนหลายแห่งทั่วโลก ทั้งนี้ ผลการศึกษาหลายชิ้นระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้เกิดอาการป่วยเล็กน้อย หรือไม่มีอาการป่วย แต่องค์การอนามัยโลกชี้ว่า ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะสรุปอาการที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อดังกล่าว ขณะนี้ หลายประเทศที่มีปริมาณวัคซีนโควิดเพียงพอ เช่น อังกฤษและฝรั่งเศส ต่างสนับสนุนให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน.-สำนักข่าวไทย

ผลวิจัยญี่ปุ่นชี้โอไมครอนแพร่เชื้อเร็วกว่าเดลตา 4 เท่า

โตเกียว 9 ธ.ค. – ผลวิจัยของญี่ปุ่นระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแพร่เชื้อในระยะเริ่มต้นได้รวดเร็วกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาถึง 4.2 เท่า ซึ่งถือเป็นการยืนยันข้อวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดที่ง่ายขึ้นของเชื้อดังกล่าว นพ. ฮิโรชิ นิชิอูระ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยเกียวโตของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์ของโรคติดเชื้อ ได้วิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในจังหวัดเคาเต็งของแอฟริกาใต้ถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน และพบว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่เชื้อได้อย่างเร็วขึ้นถึง 4.2 เท่า รวมถึงหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและจากการฉีดวัคซีนโควิดได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยที่เขาได้นำเสนอผลวิจัยดังกล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเมื่อวันพุธ อย่างไรก็ดี ผลวิจัยดังกล่าวยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการและยังไม่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์ แต่ นพ. นิชิอูระได้ใช้วิธีการวิเคราะห์แบบเดียวกันกับที่เขาเคยใช้ในผลวิจัยเกี่ยวกับการคาดการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในช่วงก่อนเปิดฉากการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ยูโรเซอร์เวียแลนซ์ (Eurosurveillance) ในเดือนกรกฎาคม ในขณะเดียวกัน ทางการท้องถิ่นของกรุงโตเกียวรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 17 คน และมียอดผู้ป่วยติดเชื้อต่ำกว่า 50 คนติดต่อกันเป็นเวลา 54 วัน และต่ำกว่า 30 คนเป็นเวลา 28 วัน ขณะนี้ ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.7 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 18,000 คน.-สำนักข่าวไทย

ไฟเซอร์เผยฉีดวัคซีนโควิดครบ 3 เข็มต้านโอไมครอนได้

ไฟเซอร์/ไบออนเทค เผยเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ผลการทดลองในห้องปฏิบัติการชี้ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดของไฟเซอร์ครบ 3 เข็มมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้

อนามัยโลกเผยวัคซีนโควิดที่มีอยู่น่าจะต้านโอไมครอนได้

เจนีวา 8 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การอนามัยโลกระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีอยู่ในปัจจุบันน่าจะยังมีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยรุนแรงในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นพ. ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ดีกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ ทั่วโลกมีวัคซีนโควิดประสิทธิภาพสูงที่ผ่านการรับรองว่าสามารถต้านทานเชื้อโควิดได้ทุกสายพันธุ์ในด้านการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เขาคาดว่าวัคซีนโควิดที่มีอยู่จะยังคงมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ ข้อมูลเบื้องต้นชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อมีอาการรุนแรงขึ้นกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาและสายพันธุ์อื่น ๆ โดยมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงน้อยกว่าอีกด้วย อย่างไรก็ดี ความเห็นของ นพ. ไรอัน มีขึ้นในขณะที่ผลวิจัยล่าสุดของแอฟริกาใต้ ซึ่งยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากคณะผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคอาจมีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนลดลงถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนโควิดได้ไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าวอ้างอิงจากการทดลองตัวอย่างเลือดจากอาสาสมัคร 12 คนในแอฟริกาใต้ ขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่ยืนยันว่าวัคซีนของโมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และวัคซีนขนานอื่น ๆ มีประสิทธิภาพต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย

เกาหลีใต้พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ทะลุ 7,000 คนครั้งแรก

โซล 8 ธ.ค. – เกาหลีใต้พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รายใหม่ทะลุ 7,000 คนเป็นครั้งแรก ขณะที่โรงพยาบาลหลายแห่งกำลังเผชิญกับภาวะตึงตัว เนื่องจากยอดผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยอาการหนักที่เพิ่มสูงขึ้น สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลี หรือเคดีซีเอ รายงานวันนี้ว่า เกาหลีใต้พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 7,175 คน มีผู้เสียชีวิต 63 คน และมีผู้ป่วยอาการหนักที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 840 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 489,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 คน ขณะนี้ เกาหลีใต้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบสองโดสให้ผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเกือบร้อยละ 92 จากประชากรทั้งหมด 52 ล้านคน และพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั้งหมด 38 คน ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีคิม บู-คยอม ของเกาหลีใต้ กล่าวในที่ประชุมรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จะเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่กำลังรักษาตัวเองที่บ้าน และปรับปรุงระบบการขนส่งผู้ป่วยฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการหนัก เขายังเรียกร้องให้ผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เนื่องจากพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่กว่าร้อยละ 35 ในกลุ่มประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป […]

1 6 7 8 9 10
...