ซีอีโอไบออนเทคคาดวัคซีนไฟเซอร์อาจกันโอไมครอนได้

แฟรงก์เฟิร์ต 1 ธ.ค. – นายอูเกอร์ ซาฮิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ ของไบออนเทค บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของเยอรมนี ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค มีแนวโน้มที่จะป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากเชื้อโควิดสายพันธุ์ไอไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นายซาฮินเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ไบออนเทคกำลังดำเนินการทดสอบวัคซีนป้องกันโรคโควิดที่ใช้เวลา 2 สัปดาห์วิเคราะห์ผลเลือดของกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค 2-3 เข็ม เพื่อให้ได้คำตอบว่าแอนติบอดีที่อยู่เลือดจะยับยั้งเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้หรือไม่ และจำเป็นที่จะต้องพัฒนาวัคซีนใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ดี ไบออนเทคคาดการณ์ว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2-3 เข็มมีแนวโน้มที่จะได้รับการป้องกันจากอาการป่วยหนักที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน นายซาฮินคาดว่าผลการทดสอบวัคซีนในห้องปฏิบัติการจะชี้ว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิดจะมีประสิทธิภาพลดลงเล็กน้อยถึงปานกลาง เนื่องจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่ก็เป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาว่าจะลดลงเหลือเท่าใด ขณะนี้ ไบออนเทคกำลังเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิดรุ่นอัปเกรดประสิทธิภาพ แม้ว่าจะยังคงไม่มีความชัดเจนว่าจำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรือไม่ เขายังกล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิดเข็มที่สามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันมีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันความรุนแรงของโรคในทุกระดับเมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนสองเข็ม ทั้งนี้ ความมั่นใจในประสิทธิภาพวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคของนายซาฮินถือเป็นท่าทีที่แตกต่างจากนายสเตฟาน บานเซล ซีอีโอของโมเดอร์นา ซึ่งออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า วัคซีนโควิดที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจมีประสิทธิภาพลดลงเมื่อเจอสายพันธุ์โอไมครอน.-สำนักข่าวไทย

ฟิลิปปินส์เลื่อนให้ นทท. ฉีดวัคซีนครบเข้าประเทศสกัดโอไมครอน

มะนิลา 29 พ.ย. – ฟิลิปปินส์ประกาศเลื่อนการอนุญาตให้ผู้เดินทางต่างชาติที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดครบโดสเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวออกไปชั่วคราว เพื่อป้องกันเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่กลายพันธุ์หลายจุดเข้ามาระบาดในประเทศ เพราะมีประชากรฉีดวัคซีนครบโดสเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น หัวหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของฟิลิปปินส์เผยวันนี้ว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจด้านโรคโควิด-19 ของรัฐบาลฟิลิปปินส์เห็นควรว่าจำเป็นที่จะต้องเลื่อนการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสเดินทางเข้าประเทศเป็นการชั่วคราว เนื่องจากความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นทั่วโลกจากการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอของสิงคโปร์รายงานว่า การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ฟิลิปปินส์ประกาศตั้งเป้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดให้ประชาชน 9 ล้านคนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปภายใน 3 วันในวันนี้ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสจากประเทศที่ฟิลิปปินส์จัดให้อยู่ในระดับเสี่ยงติดเชื้อโควิดต่ำเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาด อย่างไรก็ดี ฟิลิปปินส์ยังคงไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศ และคณะกรรมการเฉพาะกิจด้านโรคโควิด-19 ได้ประกาศระงับเที่ยวบินจาก 7 ประเทศในทวีปยุโรปในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ประกาศระงับเที่ยวบินจากหลายประเทศในทวีปแอฟริกา ขณะนี้ ฟิลิปปินส์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2.8 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 48,000 คน. -สำนักข่าวไทย

สกอตแลนด์เจอคนติดโอไมครอนทั้งที่ไม่ได้เดินทาง

เอดินเบอระ 29 พ.ย.- สกอตแลนด์แจ้งพบผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 6 รายในวันนี้ บางรายไม่มีประวัติการเดินทาง จุดกระแสวิตกว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้อาจแพร่อยู่ในสกอตแลนด์แล้ว   นายจอห์น สวินนีย์ รองนายกรัฐมนตรีสกอตแลนด์เผยกับสถานีวิทยุของบรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ในวันนี้ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 6 คน ในจำนวนนี้บางคนไม่มีประวัติการเดินทางหรือเกี่ยวข้องกับการเดินทางมาจากประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา จึงมีความเป็นไปได้ว่าเชื้อกำลังแพร่อยู่ในชุมชนแล้ว สหราชอาณาจักรซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือได้จำกัดการเดินทางไปยังตอนใต้ของทวีปแอฟริกาทั้งหมดแล้ว หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อนประเทศแอฟริกาใต้พบสายพันธุ์โอไมครอนเป็นแห่งแรก นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษออกมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในร้านค้าและรถโดยสารสาธารณะ รวมทั้งขอให้คณะกรรมการร่วมเรื่องการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิต้านทานเร่งพิจารณาเรื่องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิให้แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 40 ปี และหาทางลดระยะห่างระหว่างการฉีดวัคซีนเข็ม 2 และเข็มกระตุ้นภูมิ.-สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกเตือนทั่วโลกเสี่ยงโควิดโอไมครอนสูงมาก

เจนีวา 29 พ.ย. – องค์การอนามัยโลกระบุวันนี้ว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดไปทั่วโลก และทำให้เกิดความเสี่ยงสูงมากทั่วโลก อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดการระบาดรุนแรงในบางประเทศ องค์การอนามัยโลกประกาศคำแนะนำทางเทคนิคให้แก่ประเทศสมาชิก 194 ประเทศทั่วโลก โดยเรียกร้องให้แต่ละประเทศเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดให้แก่ประชาชนที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิดสูง และสร้างความมั่นใจว่ายังคงใช้แผนแนวทางป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อปกป้องบริการสาธารณสุขที่จำเป็น ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนมีการกลายพันธุ์ของโปรตีนบนส่วนหนามของไวรัสเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อวิถีของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ความเสี่ยงของเชื้อดังกล่าวทั่วโลกในภาพรวมจึงได้รับการประเมินให้อยู่ในระดับเสี่ยงสูงมาก องค์การอนามัยโลกยังระบุว่า ทั่วโลกจำเป็นต้องศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนให้มากขึ้นเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการที่เชื้อจะหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนและการติดเชื้อในครั้งก่อน ๆ โดยคาดว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์หน้า ขณะนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่ระบาดไปยังหลายประเทศทั่วโลกแล้ว เช่น อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และอิสราเอล. -สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นงดให้ต่างชาติเข้าประเทศตั้งแต่ 30 พ.ย.

โตเกียว 29 พ.ย.- ญี่ปุ่นนำมาตรการงดให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศกลับมาใช้อีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน เพราะกังวลเรื่องเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอน เว็บไซต์บรรษัทกระจายเสียงและแพร่ภาพญี่ปุ่นหรือเอ็นเอชเค (NHK) รายงานว่า นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะแถลงในวันนี้ว่า ตัดสินใจใช้มาตรการจำกัดการเข้าประเทศกับชาวต่างชาติจากทุกประเทศทั่วโลกเริ่มตั้งแต่วันอังคารนี้ เป็นมาตรการฉุกเฉินเพื่อเลี่ยงไม่ให้ญี่ปุ่นเกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด โดยจะใช้เป็นการชั่วคราว จนกว่าผู้เชี่ยวชาญจะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความรุนแรงของสายพันธุ์โอไมครอนมากขึ้น ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กำลังวิเคราะห์พันธุกรรมเชื้อไวรัสของผู้เดินทางมาจากนามิเบียคนหนึ่งว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่ และจะเข้มงวดมาตรการจำกัดชาวญี่ปุ่นกลับประเทศที่เดินทางมาจากประเทศที่ยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้ ด้วยการให้กักโรคในสถานที่ที่ทางการกำหนดเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเพิ่งผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศให้แก่ชาวต่างชาติที่เป็นนักธุรกิจ นักศึกษา และผู้ฝึกงานทางเทคนิค สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่นยกระดับเฝ้าระวังไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนเป็นระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล.-สำนักข่าวไทย

ฟิลิปปินส์จะระดมฉีดวัคซีนโควิด 9 ล้านคนให้ได้ใน 3 วัน

มะนิลา 29 พ.ย.- ฟิลิปปินส์เปิดตัวโครงการรณรงค์เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ประชาชน 9 ล้านคน ให้ได้ภายใน 3 วัน พร้อมกับส่งเจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและอาสาสมัครจำนวนมากไปช่วยดำเนินโครงการ โครงการที่เปิดตัววันนี้ลดเป้าหมายลงจากเดิมที่ตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนประชาชน 15 ล้านคน ให้ได้ภายใน 3 วัน แต่ยังคงถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ในประเทศที่ยังมีคนลังเลที่จะฉีดวัคซีน และมีอุปสรรคด้านโลจิสติกส์ในการเข้าถึงประชาชนที่กระจัดกระจายตามเกาะแก่งต่าง ๆ เป้าหมายการฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 3 ล้านโดส คิดเป็นเกือบ 4 เท่าของอัตราฉีดเฉลี่ยวันละ 829,000 โดสในเดือนพฤศจิกายนนี้ เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ระบุว่า ข่าวการพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนในหลายประเทศทำให้โครงการระดมฉีดวัคซีนมีความเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น รัฐบาลจะส่งอาสาสมัคร 160,000 คน ไปยังศูนย์ฉีดวัคซีน 11,000 แห่งทั่วประเทศตลอดโครงการฉีดวัคซีน 3 วันนี้ ประชากรฟิลิปปินส์ 110 ล้านคนฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเพียง 35 ล้าน 6 แสนคน หรือราว 1 ใน 3 แต่หากแยกดูเป็นพื้นที่ คนในเขตมหานครมะนิลาฉีดครบโดสแล้วมากถึงร้อยละ 93 แต่คนในชุมชนมุสลิมทางตอนใต้ของประเทศฉีดเพียงร้อยละ […]

ผู้นำแอฟริกาใต้ตำหนินานาชาติใช้คำสั่งระงับเดินทาง

พริทอเรีย 29 พ.ย. – ประธานาธิบดีซีริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ กล่าวตำหนินานาชาติที่ใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียง เพราะยังไม่มีหลักฐานที่หนักแน่นพอเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หลังพบเชื้อดังกล่าวเป็นครั้งแรกในแอฟริกาใต้ ประธานาธิบดีรามาโฟซากล่าวคำปราศรัยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่หนักแน่นพอต่อการใช้คำสั่งระงับการเดินทาง และทำให้แอฟริกาใต้ตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายจากการถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เขายังแย้งว่าคำสั่งดังกล่าวจะไม่ได้ผลในการป้องกันการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่จะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบ และทำให้ประเทศเหล่านั้นไม่อาจรับมือหรือฟื้นตัวจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ประธานาธิบดีรามาโฟซายังเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ที่ใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้รีบยกเลิกคำสั่งดังกล่าวโดยด่วนก่อนที่แอฟริกาใต้จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจไปมากกว่านี้ เขายังระบุเพิ่มเติมว่า การอุบัติขึ้นของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสัญญาณเตือนทั่วโลกให้เห็นถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมด้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด พร้อมทั้งเตือนว่าการเกิดเชื้อโควิดกลายพันธุ์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จนกว่าทุกคนจะได้รับการฉีดวัคซีน ประธานาธิบดีรามาโฟซายังได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยระบุว่า แอฟริกาใต้ไม่ได้ประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีนโควิด และการฉีดวัคซีนเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับโรคโควิด-19 ก่อนหน้านี้ หลายประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ สหรัฐ และสหภาพยุโรป ได้ประกาศใช้คำสั่งระงับการเดินทางจากแอฟริกาใต้และประเทศใกล้เคียง หลังแอฟริกาใต้เปิดเผยว่าพบเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่องค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อดังกล่าวอยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวล นอกจากนี้ เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศทั่วโลก เช่น อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย และอิสราเอล. -สำนักข่าวไทย

ญี่ปุ่นเฝ้าระวังสายพันธุ์โอไมครอนเป็นระดับสูงสุด

โตเกียว 29 พ.ย.- ญี่ปุนยกระดับการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอน เป็นระดับสูงสุด เนื่องจากพบการระบาดในหลายประเทศ ขณะที่แหล่งข่าวรัฐบาลเผยว่า ญี่ปุ่นเตรียมปิดประเทศไม่รับชาวต่างชาติเข้าประเทศรายใหม่ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เจแปนไทมส์รายงานว่า สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่นยกระดับเฝ้าระวังเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนจากระดับ 2 คือ สายพันธุ์ที่ต้องสนใจ เป็นระดับ 3 คือ สายพันธุ์ที่น่ากังวล เช่นเดียวกับสายพันธุ์เดลตา ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนดเมื่อวันศุกร์ให้สายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่นระบุว่า สายพันธุ์โอไมครอนมีการกลายพันธุ์ที่โปรตีนหนามแหลมสำหรับจับเซลล์มนุษย์ราว 30 จุด ซึ่งอาจทำให้แพร่เชื้อได้ง่ายขึ้นและต้านทานวัคซีนได้มากขึ้น เจแปนไทมส์รายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลวันนี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์นี้ทำให้ญี่ปุ่นเตรียมปิดพรมแดนไม่รับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าประเทศรายใหม่ทั้งหมด รวมทั้งนักธุรกิจ นักศึกษา และผู้ฝึกงาน ยกเว้นชาวต่างชาติที่เป็นผู้พำนักอาศัยที่จะเดินทางกลับเข้ามา และว่านายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในบ่ายวันนี้ ส่วนเมื่อวานนี้ญี่ปุ่นได้เพิ่มชื่อโมซัมบิก มาลาวีและแซมเบียไว้ในรายชื่อประเทศที่ต้องเข้มงวดการเดินทางเข้ามา หลังจากเมื่อวันเสาร์กำหนดให้ผู้เดินทางมาจาก 6 ประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาประกอบด้วย บอตสวานา เอสวาตีนี เลโซโท นามิเบีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว ต้องกักโรคในสถานที่ของรัฐบาลเป็นเวลา 10 วัน โดยต้องตรวจหาเชื้อในวันที่ 3 วันที่ 6 และ วันที่ 10 […]

ออสเตรเลียจะทบทวนเปิดพรมแดนหลังพบโควิดโอไมครอน

ซิดนีย์ 29 พ.ย. – นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ระบุวันนี้ว่า ออสเตรเลียจะทบทวนแผนเปิดพรมแดนให้แรงงานต่างชาติที่มีทักษะเฉพาะและนักเรียนต่างชาติในวันที่ 1 ธ.ค. หลังจากเมื่อวันอาทิตย์พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 2 รายแรกในนครซิดนีย์ที่เดินทางมาจากตอนใต้ของทวีปแอฟริกา นายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน กล่าวว่า เขาคิดว่าอาจเร็วเกินไปที่ออสเตรเลียจะกลับไปใช้มาตรการกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วันอีกครั้งในกลุ่มผู้เดินทางชาวต่างชาติ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับอาการป่วยรุนแรง การแพร่กระจาย และประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิดเกี่ยวกับเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน รัฐบาลจะเฝ้าระวังเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป และรอให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดเพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของออสเตรเลียจะประชุมร่วมกันในวันนี้เพื่อประเมินเกี่ยวกับแผนเปิดพรมแดนที่จะเริ่มใช้ในวันพุธ และจะจัดประชุมร่วมกับมุขมนตรีรัฐและดินแดนของออสเตรเลียในวันอังคาร ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก ระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่เดินทางมาจากตอนใต้ของทวีปแอฟริกาเพิ่มอีก 3 คนเมื่อวันอาทิตย์ และกำลังรอผลการจัดลำดับพันธุกรรมว่าผู้ป่วยทั้งสามคนติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนหรือไม่ ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 209,000 คน และผู้เสียชีวิตเกือบ 2,000 คน โดยมีประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสร้อยละ 87 จากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน. -สำนักข่าวไทย

อนามัยโลกว่ายังไม่ชัดโควิดโอไมครอนทำให้ป่วยหนักขึ้น

เจนีวา 29 พ.ย. –  องค์การอนามัยโลกเผยเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วขึ้น หรือทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงมากขึ้น เมื่อเทียบกับเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ องค์การอนามัยโลกระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อมูลในเบื้องต้นชี้ว่า อัตราผู้ป่วยติดเชื้อโควิดกำลังเพิ่มสูงขึ้นในแอฟริกาใต้ แต่อาจเป็นตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อโควิดโดยรวม และไม่ได้เป็นยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกเน้นย้ำว่า มีหลักฐานเบื้องต้นระบุว่า ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น ๆ และหายป่วยอาจมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน องค์การอนามัยโลกกำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนต่อมาตรการรับมือโรคโควิด-19 ซึ่งรวมถึงการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคโควิดด้วย ขณะนี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่พบข้อมูลที่ชี้ว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะก่อให้เกิดอาการป่วยที่แตกต่างจากเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น รายงานเบื้องต้นที่เป็นผลการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่มีอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะมีอาการป่วยน้อยกว่าผู้ป่วยที่มีอายุมาก แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับระดับความรุนแรงของอาการป่วยจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันไปจนถึงหลายสัปดาห์. -สำนักข่าวไทย

1 8 9 10
...