G7 ประณามเมียนมาปราบปรามผู้ประท้วง

ลอนดอน 23 ก.พ.- สมาชิกกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) ประณามอย่างแข็งขันที่กองกำลังรักษาความมั่นคงเมียนมาใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วง และเรียกร้องให้ใช้ความอดกลั้นสูงสุด เคารพสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสากล จี 7 ซึ่งประกอบด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐ รวมทั้งตัวแทนของสหภาพยุโรป ย้ำท่าทีคัดค้านการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และการตอบโต้อย่างหนักมือต่อการเดินขบวนต่อต้าน รัฐมนตรีต่างประเทศจี 7 ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า การใช้กระสุนจริงกับคนไม่มีอาวุธเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้ ผู้ใดก็ตามที่ใช้ความรุนแรงตอบโต้การประท้วงอย่างสันติจะต้องถูกดำเนินการ จี 7 ขอประณามการข่มขู่และกดขี่ผู้ต่อต้านการรัฐประหาร และขอแสดงความกังวลต่อการกวาดล้างเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงการปิดกั้นอินเทอร์เน็ตและการแก้ไขกฎหมายให้กดขี่เสรีภาพในการพูด แถลงการณ์ระบุต่อไปว่า จี 7 ขอเรียกร้องให้เมียนมายุติการมุ่งเป้าหมายอย่างเป็นระบบไปที่ผู้ประท้วง แพทย์ ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน ขอให้รัฐบาลทหารเมียนมายกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และอนุญาตให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงกลุ่มเปราะบางที่สุดได้อย่างเต็มที่ ขอย้ำอีกครั้งให้ปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวตามอำเภอใจโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข รวมถึงนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และประธานาธิบดีวิน มินต์ จี 7 จะยังคงอยู่เคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาที่ต้องการเสรีภาพและประชาธิปไตย.-สำนักข่าวไทย

อินโดนีเซียขอให้รัฐบาลทหารเมียนมาเคารพเสียงประชาชน

จาการ์ตา 23 ก.พ. – รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียระบุว่า กองทัพเมียนมาควรถ่ายโอนอำนาจการปกครองกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยตามความต้องการของประชาชน หลังก่อเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียส่งถ้อยแถลงของนางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีกระทรวงไปถึงรอยเตอร์ว่า กองทัพเมียนมาควรเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างมีส่วนร่วมตามความต้องการของประชาชน การทำตามแนวทางดังกล่าวจะทำให้เรื่องทั้งหมดสิ้นสุดลง อินโดนีเซียรู้สึกกังวลกับสถานการณ์ในเมียนมาอย่างมาก และขอสนับสนุนชาวเมียนมาทุกคน สวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนเมียนมาถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เธอยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจสูงสุดเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุนองเลือด ทั้งนี้ คำกล่าวของนางเร็ตโนมีขึ้นหลังผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารรู้สึกโกรธที่รอยเตอร์รายงานว่า อินโดนีเซียกำลังผลักดันแผนการที่จะให้สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนส่งคณะสังเกตการณ์เข้าไปตรวจสอบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลทหารเมียนมาการจะจัดเลือกตั้งครั้งใหม่อย่างเป็นธรรมตามที่สัญญาไว้ บางคนชักชวนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้ไปชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตอินโดนีเซียในเมียนมาด้วย ในขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า ต้องการให้เคารพผลการเลือกตั้งในเมียนมาเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนปีก่อนหรือไม่ แต่โฆษกกระทรวงต่างประเทศระบุว่า ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซียได้แสดงความยินดีกับนางออง ซาน ซู จี ที่ชนะการเลือกตั้งในเวลานั้น นอกจากนี้ ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับรายงานของรอยเตอร์ที่ระบุว่า อินโดนีเซียจะเรียกร้องให้ประชาคมอาเซียนเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างรัฐบาลทหารและกลุ่มผู้ประท้วงเมียนมา. -สำนักข่าวไทย

สหรัฐประกาศคว่ำบาตรนายพลเมียนมาอีก 2 นาย

สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรสองนายพลเมียนมาที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกสภาบริหารแห่งรัฐของรัฐบาลทหาร และขู่ว่าจะใช้มาตรการเพิ่มเติมกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เมียนมาจะจัดการสื่อที่ยังเรียกรัฐบาลรัฐประหาร

พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลเมียนมาโดยพฤตินัยตั้งแต่รัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ยืนยันว่า กองทัพเดินตามเส้นทางประชาธิปไตย และเตือนว่าจะจัดการกับสื่อที่ยังคงใช้คำว่า “รัฐบาลรัฐประหาร”

รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ประกาศจัดการเฉียบขาดกับเมียนมา

วอชิงตัน 22 ก.พ.- นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐประกาศหลังเกิดเหตุผู้ประท้วงในเมียนมาเสียชีวิต 2 คนเมื่อวันเสาร์ว่า สหรัฐจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับทางการเมียนมาที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ต่อต้านการรัฐประหาร นายบลิงเคนทวีตเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐว่า สหรัฐจะเดินหน้าดำเนินการอย่างเฉียบขาดกับผู้ใช้ความรุนแรงอย่างผิดกฎหมายกับประชาชนชาวเบอร์มา (เป็นการเรียกชื่อเดิมของเมียนมา) ที่เรียกร้องให้กอบกู้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย สหรัฐขออยู่เคียงข้างประชาชนชาวเบอร์มา รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยืนยันเรื่องนี้ หลังเกิดเหตุตำรวจเมียนมายิงกระสุนจริงและแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของเมียนมาเมื่อวันเสาร์ ทำให้มีผู้ประท้วงเสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บหลายสิบคน และมีขึ้น 10 วัน หลังจากสหรัฐประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรรักษาการประธานาธิบดีเมียนมาและนายทหารหลายคน ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐอนุมัติให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรกลุ่มยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน ในจำนวนนี้มีรัฐมนตรีกลาโหม บริษัทหยกและอัญมณี 3 แห่ง ด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนขณะออกมาตรการคว่ำบาตรนายทหารระดับสูงของเมียนมาสองนายเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ว่า หากยังมีการใช้ความรุนแรงกับผู้ประท้วงอีก กองทัพเมียนมาจะได้รู้ว่ามาตรการนี้เป็นเพียงชุดแรกเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

ผู้ประท้วงเมียนมาเรียกร้องให้นัดหยุดงานประท้วงรัฐประหาร

ย่างกุ้ง 22 ก.พ. – ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาเรียกร้องให้มีการนัดหยุดงานทั่วไปและออกมาชุมนุมบนท้องถนนมากขึ้นในวันนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เมียนมาขู่ว่า เหตุปะทะระหว่างทหารและผู้ประท้วงอาจทำให้มีผู้เสียชีวิต หลังมีผู้ประท้วงถูกยิงเสียชีวิต 2 รายในเมืองมัณฑะเลย์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารเมียนมาได้ส่งกำลังทหารลงพื้นที่มากขึ้นและสัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่ไม่สามารถยุติการประท้วงรายวันและขบวนการอารยะขัดขืนที่ยืดเยื้อมากว่า 2 สัปดาห์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทหารสละอำนาจและปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี ผู้นำประเทศที่มาจากการเลือกตั้ง แกนนำนักเคลื่อนไหวเยาวชนเมียนมาโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ใครที่ไม่กล้าออกมาร่วมประท้วงก็ขอให้อยู่ในบ้าน แต่เขาจะออกไปประท้วงให้ได้ และคาดว่าจะได้เห็นชาวเมียนมารุ่นใหม่ในการชุมนุมวันนี้ ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมให้ความสำคัญกับการประท้วงในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 22.2.2021 โดยนำไปเปรียบเทียบกับคนรุ่นก่อนที่ชุมนุมประท้วงต่อต้านทหารเมื่อวันที่ 8.08.1988 จนเกิดเหตุปราบปรามนองเลือด รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า การตอบโต้ของกองกำลังความมั่นคงเมียนมาในการประท้วงครั้งนี้มีความรุนแรงน้อยกว่าครั้งก่อน แต่ก็มีผู้ประท้วงเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 3 คน หลังจากที่มีผู้ประท้วง 2 คนถูกยิงเสียชีวิตในเมืองมัณฑะเลย์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่กองทัพระบุว่า มีตำรวจเสียชีวิต 1 นายหลังได้รับบาดเจ็บจากเหตุประท้วง ขณะที่สถานีโทรทัศน์เอ็มอาร์ทีวีของทางการเมียนมาประกาศเตือนว่า กลุ่มผู้ประท้วงกำลังยุยงประชาชนเมียนมาโดยเฉพาะวัยรุ่นและเยาวชนที่มีอารมณ์อ่อนไหวให้ก้าวไปในเส้นทางเผชิญหน้าที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิต ด้านสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมืองของเมียนมาเผยว่า ขณะนี้มีผู้ประท้วงที่ถูกควบคุม ตั้งข้อหา หรือตัดสินลงโทษ 640 คน รวมถึงอดีตแกนนำรัฐบาลและผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารนับตั้งแต่เกิดเหตุยึดอำนาจการปกครองเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา. -สำนักข่าวไทย

ผู้ประท้วงเมียนมาถูกยิงเสียชีวิตอีก 2 ราย

ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมา ถูกยิงเสียชีวิตอีก 2 ราย ระหว่างตำรวจและทหารปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วงในเมืองมัณฑะเลย์

ผู้ประท้วงเมียนมาที่ถูกยิงด้วยกระสุนจริงเสียชีวิตแล้ว

หญิงเมียนมาวัย 20 ปีที่ถูกยิงเข้าศีรษะขณะร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐประหารในกรุงเนปิดอว์เมื่อสัปดาห์ก่อนได้เสียชีวิตในโรงพยาบาลเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ที่ผ่านมา

รัฐบาลทหารเมียนมาจับกุมผู้ชุมนุมเกือบ 500 คนแล้ว

ย่างกุ้ง 18 ก.พ. – รัฐบาลทหารเมียนมาออกหมายจับบุคคลมีชื่อเสียง 6 คนในข้อหาสนับสนุนให้เกิดการนัดหยุดงานประท้วงต่อต้านรัฐประหารที่ทำให้หน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งต้องตกอยู่ในสภาพเป็นอัมพาต ขณะที่ยอดผู้ถูกจับกุมจากการชุมนุมเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 500 คนแล้ว ชาวบ้านในเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 2 ของเมียนมากล่าวว่า เมื่อช่วงค่ำของวานนี้ กองกำลังรักษาความปลอดภัยของเมียนมาเปิดฉากยิงใส่กลุ่มพนักงานรถไฟที่พยายามขัดขวางการเดินขบวนรถไฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการอารยะขัดขืน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ขณะที่ชาวเมียนมาอีกหลายแสนคนออกมารวมตัวกันบนท้องถนนหลายสายทั่วประเทศในการชุมนุมประท้วงใหญ่ เพื่อต่อต้านการก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง การเดินขบวนบนท้องถนนเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยกว่าการประท้วงเมื่อ 50 ปีก่อนที่ทหารเมียนมาปกครองประเทศและใช้กำลังปราบปรามจนเกิดเหตุนองเลือด อย่างไรก็ดี การประท้วงของกลุ่มผู้ชุมนุมและขบวนการอารยะขัดขืนได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคธุรกิจในเมียนมาเช่นกัน ในขณะเดียวกัน กองทัพเมียนมาได้ออกหมายจับบุคคลมีชื่อเสียง 6 คน เช่น ผู้กำกับภาพยนตร์ นักแสดง และนักร้องที่ฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการยุยงในข้อหาสนับสนุนให้ข้าราชการเข้าร่วมการประท้วง ซึ่งอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี อย่างไรก็ดี นักแสดงชาวเมียนมาคนหนึ่งที่มีชื่อตามหมายจับกลับท้าทายกฎหมายดังกล่าวด้วยการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เขารู้สึกทึ่งมากที่ได้เห็นการรวมพลังของชาวเมียนมา และอำนาจของประชาชนต้องหวนคืนสู่ประชาชน ทั้งนี้ แม้รัฐบาลทหารได้ออกมาเรียกร้องให้พนักงานของรัฐกลับไปทำงานตามปกติ และขู่ว่าจะลงโทษหากไม่ทำตามคำสั่ง แต่การนัดหยุดงานประท้วงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง.-สำนักข่าวไทย

ผู้ประท้วงเมียนมานำรถจอดกลางถนนทำทีเป็นรถเสีย

ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารนำรถยนต์หลายคันมาจอดกลางถนนและบนสะพานหลายแห่ง โดยเปิดกระโปรงรถทำทีเป็นว่ารถยนต์เหล่านั้นขัดข้องเพื่อขัดขวางรถบรรทุกตำรวจและทหารไม่ให้เดินทางไปสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วง

กองทัพเมียนมาแถลงกำหนดโทษกลุ่มผู้ประท้วง

ย่างกุ้ง 15 ก.พ. – กองทัพเมียนมาออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กที่มีข้อความกำหนดเรื่องการลงโทษผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหาร รอยเตอร์รายงานอ้างข้อความส่วนหนึ่งในแถลงการณ์ของกองทัพเมียนมาว่า ผู้ใดก็ตามที่ใช้คำพูด ตัวอักษร สัญลักษณ์ การแสดงออก หรืออื่น ๆ ที่นำมาหรือพยายามนำมาซึ่งความเกลียดชัง หรือปลุกระดมความไม่พอใจต่อรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายสำหรับสหภาพเมียนมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานป้องกัน หรือเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันอาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี และโดนปรับเงิน หรืออาจต้องโทษสูงสุด 7 ปี  หรือโดนปรับเงิน หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารหลายแสนคนยังคงออกมาชุมนุมกันบนท้องถนนทั่วประเทศเป็นวันที่ 10 เพื่อเรียกร้องให้มีการถ่ายโอนอำนาจกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยและปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง เหตุการณ์ความไม่สงบในปัจจุบันปลุกความทรงจำถึงเหตุนองเลือดต่อต้านการปกครองโดยตรงจากกองทัพที่ดำเนินมาเกือบ 50 ปี และสิ้นสุดลงเมื่อกองทัพเริ่มวางมือจากการเมืองในปี 2554 แม้สถานการณ์รุนแรงในครั้งนี้ยังคงอยู่ในวงจำกัด แต่เมื่อวานนี้ตำรวจเมียนมาได้เปิดฉากยิงสลายกลุ่มผู้ประท้วงที่โรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมียนมา โดยไม่รู้แน่ชัดว่าตำรวจใช้กระสุนยางหรือกระสุนจริง และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ กองทัพเมียนมายังต้องเผชิญกับการชุมนุมประท้วงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศที่รวมถึงการประท้วงของกลุ่มพนักงานรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการอารยะขัดขืนที่ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลหยุดชะงัก. -สำนักข่าวไทย

ชาวเมียนมายังคงรวมตัวประท้วงแม้ถูกตัดอินเทอร์เน็ต

รัฐบาลทหารเมียนมาตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตทั้งประเทศ และส่งกองกำลังเสริมไปประจำการในพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหาร แต่กลุ่มผู้ประท้วงก็ยังคงกลับมารวมตัวกันบนท้องถนนในวันนี้

1 8 9 10 11 12 13
...